รีวิวพุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2 ฉันมีการ์ตูนเหมียวมารีวิว ที่เป็นภาคที่ 2 ของเรื่องนี้ Puss in Boots ฉันบอกได้เลยว่ารอคอยมานานกว่า 11 ปี กับภาคต่อ
ในภาคแรกเข้าฉายไปและทิ้งให้แอนิเมชันสร้างชื่อของดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชัน Dreamwork Animation ในจักรวาลเชร็ค Shrek เงียบหายจากโรงภาพยนตร์ไปเป็นทศวรรษ จนมาถึงปี 2022 นี้
ในที่สุดภาคต่ออย่าง Puss in Boots The Last Wish ก็ได้ฤกษ์ออกฉายหลังถูกเลื่อนกำหนดมานาน แต่ตัวหนังก็ไม่ต่างจากแมว 9 ชีวิต
เพราะถึงเลื่อนยังไงเจ้าเหมียวพุซ ก็ยังนำพาตัวมันออกมาโปรยเสน่ห์ให้แฟน ๆ ได้ส่งท้ายปีเก่าอย่างหฤหรรษ์ ความน่ารักของเหมียวในถาคนี้จะออกมาเป็นยังไงไปดูกัน สามารถเข้าดูที่ ดูหนังออนไลน์
รีวิวพุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2 การผจญภัยชีวิตของเจ้าเหมียว โหด กล้า ซ่า สนุก
รีวิวพุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2 เจ้าเหมียวนักดาบทรงเสน่ห์
รีวิวพุซ อิน บู๊ทส์ ในหลังการผจญภัยเสี่ยงตายของเหมียวมานานในที่สุด พุซ เจ้าเหมียวนักดาบทรงเสน่ห์มาก แต่เหมียวก็ต้องเผชิญหน้าความกลัวเป็นครั้งแรกเมื่อเขาได้พบกับ หมาป่ามัจจุราช
ที่มาย้ำเตือนว่าต่อไปนี้ พุซ จะเหลือชีวิตสุดท้ายก่อนไปพบยมบาลแล้วแงเสียใจ พุซเลือกเนรเทศตัวเองไปพักพิงกับ มาม่าลูน่า ผู้ให้ที่พักพิงเหมียวจรจัด ที่นั่นพุซได้พบกับ เพอร์โร เจ้าหมาชิวาว่าจรจัดที่คิดว่าตัวเองเป็นแมว
และผูกสัมพันธ์กัน แต่แล้วความสงบที่พุซฝันหาก็เป็นอันจบสิ้นหลังการมาเยือนของ โกลดีล็อกส์และครอบครัวหมีที่มาจ้างเขาให้ไปขโมยแผนที่สู่ดาวประทานพร ถ้าหากสนใจที่จะรับชมเรื่องนี้ เข้าที่ ดู Puss in Boots The Last Wish
ซึ่งผู้ที่ครอบครองแผนที่ดังกล่าวคือ แจ็ก ออร์เนอร์ หนุ่มร่างท้วมเจ้าของโรงงานผลิตขนมปัง แต่ไม่ใช่พุซแค่คนเดียวที่ต้องการแผนที่ดังกล่าวเพราะเขาได้พบกับ คิตตี้ ซอฟต์พอวส์ เหมียวถ่านไฟเก่าที่ฝีมือเหนือกว่า
เขาอย่างเห็นได้ชัด แต่เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน คิตตี้ พุซ และเพอร์โร จึงออกเดินทางตามหาดาวประทานพรเพื่อให้พุซขอพรให้เขากลับมามี 9 ชีวิตดังเดิม โดยมีคู่แข่งคือ แจ็ก ออร์เนอร์ และครอบครัวหมีของโกลดีล็อกส์
ในก่อนอื่นคงต้องปรบมือให้ความกล้าของทีมงานดรีมเวิร์คส์ ที่เล่นธีมที่ดูผู้ใหญ่มาก ๆ อย่างอาการกลัวความตายมาเล่าในแอนิเมชันขวัญใจเด็ก ๆ อย่าง Puss in Boots ในขณะที่แอนิเมชันอื่น ๆ
ในท้องตลาดมักจะเอาการผจญภัยไปผูกกับครอบครัวหรือมิตรภาพ การที่พุซเจ้าเหมียวทรงเสน่ห์มีความตายเป็นแรงขับ ในการออกเดินทางอีกครั้งและเรียนรู้คุณค่าชีวิตก็ทำให้ผู้ชมได้เติบโตตามตัวละครไปอีกขั้น
และที่เจ๋งมากคือผู้ชมแต่ละช่วงวัยจะได้สารจากหนังที่ไม่เหมือนกันซะทีเดียวอีกด้วย ฉันขอชื่นชมทางทีมงานเรื่องนี้เลยพวกเขาเจ็บจริง ๆ ในสำหรับผู้ชมในวัยรุ่นเชื่อเลยว่าการก้าวจากเด็กมาเริ่มทดลองใช้ชีวิตผู้ใหญ่
ย่อมเป็นความกลัวลึก ๆ ที่หลายคนต้องเผชิญและมีประสบการณ์ร่วม ดังนั้นการเห็นเจ้าพุซเข้ากระบะทรายแมวหรือปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่อย่างเพอร์โรก็ทำให้ผู้ชมในวัยนี้รีเลต Relate ตัวเองเข้ากับตัวละครได้ไม่ยาก
ยิ่งหนังมีฉากผจญภัยตื่นตามากเท่าไหร่ ผู้ชมก็จะได้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่อาจพบได้จากการนั่งไถฟีดในโซเชียล แต่เป็นการออกไปใช้ชีวิตที่มีเวลาจำกัดต่างหาก ติดตามการรีวิวของเราได้ที่ รีวิวหนังการ์ตูน
ความรู้สึกผิดบาปในอดีตของเหมียว
และตัวละครอย่างพุซเองก็มีปมผิดบาปในอดีตที่รอแก้ไขหรือได้กล่าวขอโทษกับคนที่ตัวเองทำผิดด้วย ไปจนถึงการเห็นคุณค่าของครอบครัวสำหรับกรณีของโกลดีล็อกส์
และครอบครัวหมีของเธอ ทำให้บทภาพยนตร์ของ พอล ฟิชเชอร์ Paul Fisher ไม่เพียงเป็นแค่หนังภาคต่อของ รีวิวPuss in Boots ภาค 2 เท่านั้นแต่ยังเป็นหนังที่เติบโตมาพร้อมแฟนเชร็ค Shrek ที่เชื่อว่าตอนนี้ก็กลายมาเป็นพ่อแม่หรือมีครอบครัวกันแล้วให้ชมและได้ข้อคิดดี ๆ กลับไปอีกด้วย
แต่กระนั้นสิ่งที่ฟิชเชอร์ดูจะหนักมือพอสมควรก็เห็นจะเป็นมุกสุดดาร์กของตัวละครเพอร์โรที่กล่าวถึงที่มาว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ในชุดที่เหมือนถุงกระสอบได้อย่างน่าสลดหดหู่ แต่เรื่องกลับหึความรู้สึกอื่นด้วยคือ ความเศร้าผสมความตลก
ซี่งตรงนี้ขอเตือนไว้ก่อนนะ ว่าหากท่านมีเพื่อนหรือคนที่ท่านรักที่มีสภาพจิตใจอ่อนไหว บางทีมุกนี้อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจได้ซึ่งตอนดูยอมรับเลยว่าแอบตกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมผู้สร้างเลือกใส่มุกนี้มา
ในตอนแรกฉันคิดว่าเนื้อเรื่อง Puss in Boots The Last Wish เปิดมาแบบนี้ คนดูก็เดาออกอยู่แล้วว่าหลังจากนี้ต่อไปจะเป็นการออกผจญภัยของมันเพื่อเรียกจิตวิญญาณของตัวเองกลับมา และค้นพบบทเรียนอะไรบางอย่างที่ทำให้เจ้าเหมียวรู้จักคุณค่าของการมีชีวิตที่แท้จริง
ว่าชีวิตนั้นมีค่ามากแค่ไหน แต่ในความธรรมดาของเส้นเรื่องนี้ทีมเขียนบทก็แตกเรื่องราว และเพิ่มมิติของเนื้อหาลงไปจนกลายเป็นความไม่ธรรมดา ผ่านตัวละครหลักของเรื่องได้อย่างเหลือเชื่อ
ซึ่งในภาคนี้จึงไม่ได้เทน้ำหนักไปที่ตัวละครเอกเท่านั้น แต่มันคือการผสมผสานแง่มุมของตัวละครเข้าไว้ด้วยกันจนออกมา เป็นเส้นเรื่องที่แข็งแรงและเป็นตัวแทนในมิติต่าง ๆ ของชีวิต ที่ดูมีอะไรมากขึ้นกว่าภาคแรกเลย
และฉันอยากจะพูดถึงในเรื่องของเสียงพากย์ เราคงเถียงไม่ได้ล่ะนะว่าต้นฉบับที่ได้ แอนโทนีโอ แบนเดอราส Antonio Banderas กับ ซาลมา ฮาเย็ก Salma Hayek มาพากย์เป็น พุซ อิน บูธส์
และ คิตตี้ ซอฟต์พอวส์ นั้นได้อารมณ์ไม่น้อยรวมถึงการได้ฟลอเรนซ์ พิวห์ Florence Pugh มาสมทบให้เสียงโกลดีล็อกส์นั้นย่อมต้องได้อารมณ์ความสนุกที่เต็มเปี่ยมแน่นอน ไม่มีเบื่อแน่นอน
แต่สำหรับเสียงพากย์ภาษาไทยคราวนี้จัดว่าพิเศษมากนะ เพราะคราวนี้เนื่องจากตัว พุซ อิน บูธส์ มีบทร้องเพลงด้วยดังนั้นเสียงพระเอกของเราเลยเปลี่ยนจากพี่ ดอม เหตระกูล มาเป็น อรรคพล ทรัพย์อาจิณ
หรือคุณเก๋ วงแฮงแมน ที่เคยฝากเสียงพากย์และร้องเพลงเป็นจีนี่ ใน Aladdin มารับช่วงแทนซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพเสียงพากย์ และเสียงร้องหายห่วงเลย นอกจากนี้บทโกลดีล็อกส์ ยังปรับให้เสียงพากย์ไทยเป็นการพูดเสียงเหน่อแทนซึ่งก็สร้างคาแรกเตอร์ให้ตัวละครได้อย่างสร้างสรรค์ทีเดียวเลย
แนวคิดการสร้างเรื่องนี้เป็นยังไง
คงมีหลายคนอยากจะรู้เบื้องหลังการสร้างเรื่องนี้ รีวิวPuss in Boots The Last Wish ว่ามันมีความเป็นมายังไง ซึ่งเรื่องนี้ Puss in Boots ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครในเทพนิยายที่มีชื่อเดียวกัน ผู้ออกแบบตัวละคร Tom Hester ให้การออกแบบของ Puss
ซึ่งมีพื้นฐานมาจากแมวที่เป็นของผู้กำกับ Shrek Andrew Adamsonและ Ken Bielenberg ผู้ดูแลเอฟเฟกต์ที่โครตจะทรงพลัง หลังจากที่ Antonio Banderas ก็ได้รับบทเป็นเสียงของ Puss แอนิเมเตอร์ Shrek ได้วิเคราะห์การแสดงของเขา
ในฐานะตัวละครในThe Mask of Zorro ในปี 1998 เพื่อให้เข้าใจถึงการพรรณนาของ Puss ได้อย่างแจ๋มแจ้งเลย แรงบันดาลใจจาก Banderas ของ Zorro การถ่ายทำภาพยนตร์ ตัดสินใจที่จะสร้างต้นกำเนิดของ Puss เป็นภาษาสเปน
ซึ่งฉันคิดว่าแทนที่จะเป็นภาษาฝรั่งเศสในเทพนิยาย มากกว่า และเมื่อคอมพิวเตอร์เคลื่อนไหวแมวเครื่องมือนิเมชั่นใหม่ที่จำเป็นสำหรับการขนเข็มขัด และขนนกของเขาบนหมวกของเขา
ทางคริสมิลเลอร์หัวหน้าเรื่องของภาพยนตร์เรื่อง Shrek 2 ในปี 2004 และ กล่าวว่าเขามีความสุขกับตัวละครของ Puss มากที่สุดเท่าที่ผู้ชมดูเหมือนจะเลย คือผู้ชมมีความสุขมากแค่ไหนเขาก็รู้สึกเท่านั้นเลย เขาและคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องใน Shrek 2ต้องการเพิ่มฉากอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Puss
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ พุซ อิน บู๊ทส์ 2 มิลเลอร์อธิบายว่า Puss เป็น ซึ่งเหมียวเองเป็นตัวละครเพื่อนสนิทที่เจ๋งและมีพลังในตอนนั้น โดยบอกว่าทีมผู้สร้างได้ตัดสินใจที่จะเชื่อมโยงตัวละครนี้กับ
และยังมีเบื้องหลังประวัติศาสตร์อันแปลกประหลาดซึ่งเขาเคยอยู่ ทุกที่ และทำ ทุกอย่าง เขาและทีมผู้สร้างคนอื่น ๆ สงสัยว่าเรื่องราวของ Puss จะเป็นอย่างไรและทำไมเขาถึงมีสำเนียงของเขา
จากข้อมูลของมิลเลอร์การเขียนและการพัฒนา Puss นั้น สนุกมากมากซะจนไม่มีวันลืมเรื่องนี้ได้ลงเลย และตัวละครนั้นมีผลกระทบอย่างมาก ใน Shrek 2 โดยขโมยฉากมากมาย มิลเลอร์บอกว่าเขา รักตัวละครนี้มาโดยตลอดและ หลงใหล
ในจุดที่ Puss เคยอยู่มาก่อน ซึ่งถ้าจะให้ฉันพูดถึง Puss แบบตามตรงคือเรื่องนี้เป็นการการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ ซ้ำ ๆ ในภาพยนตร์ของเชร็คและมิลเลอร์ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเขา
เช่นรองเท้าบูทของเขามาจากไหนมันมีความเป็นมายังไง มิลเลอร์เรียกว่า Puss ตัวละครที่เขาชื่นชอบเชร็ค ผู้ซึ่งที่โดดเด่นเสมอ และนึกไม่ออกว่าใครเป็นคนอื่นนอกจาก Banderas ที่เปล่งเสียงเขา และสิ่งที่ฉันอยากจะพูดถึงอีกคือ เมื่อไม่นานหลังจากสร้างตัวละคร Banderas ก็ได้รับการเสนอบทบาท มิลเลอร์ให้ความเห็นว่าการแสดงของนักแสดง
ยอดเยี่ยมมาก ในหลังจากที่รู้ว่าที่ 2004 เทศกาลภาพยนตร์ พุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2 ตัวละคร เมืองคานส์ว่าผู้ชมมากมีความสุขกับตัวละครแมวของเจฟฟรีย์ Katzenberg และ ผู้ร่วมก่อตั้งของดรีมเวิร์คส์แอนิเมชั่น และเริ่มพิจารณาในความคิดของอาจจะต่อเนื่องกับตัวละครในที่เชร็คชุด และการสร้างภาพยนตร์กับแมว เป็นตัวเอกของเรื่อง Katzenberg เรียกว่าแมวเป็น ฉากมือกาวสุดฮา
และบอกว่าเขา ดูเหมือนจะขอสำหรับภาพยนตร์ของเขาเอง หลังจากการปรากฏตัวครั้งแรกของเขาในเชร็คแฟรนไชส์ และมิลเลอร์ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง พุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2 ในปี 2011รู้ว่าแมวเป็นเหมาะสำหรับภาพยนตร์แบบสแตนด์อโลน
และเขาก็ยินดีเมื่อ Banderas ยอมรับบทบาทได้อย่างรวดเร็ว มิลเลอร์พอใจกับการตัดสินใจของดรีมเวิร์คส์ในการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับ Puss และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วมในการผลิต
เขากล่าวว่าความคิดของ Puss มีภาพยนตร์ของตัวเองได้รับการพิจารณาตั้งแต่ตัวละครได้เข้าร่วมแฟรนไชส์ Shrek โดยมีการอ้างถึงว่า ขนาดและขอบเขตของตัวละครนั้น และบุคลิกที่อันโตนิโอใส่ตัวละครนั้นด้วย แม้ว่าในตอนแรกทีมผู้สร้างต้องการนำแมวไปที่สตูดิโอของ DreamWorks
เพื่อศึกษาพัฒนาการของ Puss แต่ทีมงานของ DreamWorks ก็แนะนำให้ดูYouTubeวิดีโอแมวแทน ตามที่มิลเลอร์บอกว่า YouTube ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งข้อมูลชั้นยอด”ของผู้สร้างแรงบันดาลใจซึ่งพวกเขาได้เพิ่ม ประสบการณ์ส่วนตัว ของพวกเขา
เขากล่าวว่าแมว จริงจังเท่าที่พวกเขายึดถือตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถต้านทานธรรมชาติที่แท้จริงของมันได้ และเขาอ้างว่า เสียงขู่นั้นมีเอกลักษณ์ ของ Puss เป็นตัวอย่าง
เหมียวเป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
คนส่วนใหญ่จะชอบเจ้าเหมียวตัวนี้มากเป็นพิเศษเพราะเหมียวเป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์เป็นพิเศษ และ Puss in Boots เรื่องย่อ ทีมผู้สร้างรู้ตั้งแต่ต้นว่าบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับตัวละครด้เรียกร้อง เพียงแค่จะมีขนาดใหญ่กว่าชีวิต
ในขณะที่เรื่องราวที่ได้รับครั้งแรกแนวความคิดที่ว่า อยู่อย่างอิสระ ในเทพนิยายคลาสสิกที่เกี่ยวข้องกับ แมวและลูกชายทั้งสามคนของมิลเลอร์ ทีมผู้สร้างตัดสินใจที่จะสร้าง เรื่องใหม่ที่ยิ่งใหญ่ และในบางสิ่งบางอย่าง ที่จะคุ้มค่ากว่า สไตล์และโครงสร้างแบบสปาเก็ตตี้ตะวันตก
Puss in Boots ตัวละคร ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวละครของพัสส์ และทีมผู้สร้างตัดสินใจใช้ ตำนานจอใหญ่ เป็นแรงบันดาลใจ มิลเลอร์อ้างถึงคลินต์อีสต์วูดในฐานะหนึ่งใน ภาพยนตร์คลาสสิก ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับภาพของ Puss
และมองว่าเขาเป็น พลังที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมี ในบางอย่างเกี่ยวกับ Clint ที่อยู่ในตัวแมว เขายังอ้างถึงอินเดียน่าโจนส์ของ จิตวิญญาณของการผจญภัย เจมส์บอนด์และเออร์รอลฟลินน์ มิลเลอร์ยังอ้างว่า Zorro เป็นแรงบันดาลใจให้กับ Puss
ตั้งแต่ Banderas เปล่งเสียงเขา และเขาบอกว่า บุคลิกของอันโตนิโอ กำหนดทางเลือกมากมายที่ เคย ทำไว้ เกี่ยวกับ ตัวละครแมวในPuss in Boots ตามที่มิลเลอร์กล่าวว่า ยากมากที่จะบอกความแตกต่าง ระหว่าง Puss และ Banderas
ทางทีมผู้สร้างตัดสินใจที่จะให้ เรื่องหนัก Puss ใน Puss in Boots หนัง พวกเขารู้สึกว่าการทำลายหัวใจของเขานั้น สำคัญจริง ๆ และพวกเขาต้องการเสนอ บางสิ่งเพื่อไถ่ตัว
และล้างชื่อของเขา ให้เขาพวกเขาถกเถียงกันว่า Puss จะถูกมองว่าเป็นผู้หลบหนีที่เข้าใจผิดหรือไม่ มิลเลอร์กล่าวว่าแม้ว่า Puss จะถูกมองว่าหลอกลวง แต่ทีมผู้สร้างก็ตัดสินใจที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่น่าตำหนิ การปล้นธนาคารไม่ใช่แผนของ Puss และเขาก็วิ่งหนี ด้วยความกลัว
แต่เขาต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขามิลเลอร์กล่าวว่า ความปรารถนาที่จะเชื่อสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคนอื่น ของ Puss และการ ยึดติดกับมิตรภาพ เป็นตัวแทน สิ่งที่ทำให้เขาเดือดร้อน
เรื่องราวเบื้องหลังของ Puss มีขึ้นเพื่อบ่งบอกถึง ความหนักหน่วงในจิตใจและในใจของเขา และทำไมเขาถึงวิ่งหนีทั้ง ๆ ที่ ชีวิตที่เยือกเย็นอย่างมาก พอ ๆ พวกเธอรู้แค่นี้ไปก่อนฉันเหนื่อยพิม 5555
รีวิวพุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2 จุดเด่นของเรื่องนี้
เรามาถึงในส่วนของจุดเด่นของ พุซ อิน บู๊ตส์ 2 หนัง มีความยาว 101 นาที ส่วนใหญ่จะโชว์ความสวยงามของลายเส้นแอนิเมชั่น 2D และ 3D ซึ่งก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ จนฉันรู้สึกประหลาดใจเลย
และฉากแอ๊คชั่นดูเร้าใจ ตื่นเต้นไปกับสีสัน บทบาทของตัวละคร เป็นการผสมผสานเสียงดนตรีได้อย่างลงตัว ใครที่เคยดูเรื่อง Spider Man Into the Spider Verse แล้วชื่นชอบ บอกเลยว่า
เรื่องนี้ไม่ควรพลาด้วยประการทั้งปวง สำหรับพล็อตเรื่องที่ดูตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรแอบแฝงทำให้เข้าใจได้ง่าย เหล่าคนรักน้องหมาน้องแมว นี่ก็ไม่น่าพลาดเช่นกัน เห็นฉากทำตาโต ๆ แล้วเป็นต้องอยากเข้าไปอุ้มเกาพุง
ฉากนี้เป็นฉากที่เหล่าทาสแมวละลายกันเลยทีเดียว และในอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมและขาดไม่ได้ก็คือ ลีลาการให้เสียงของ ป๋า แอนโตนิโอ แบนเดอรัส ที่เป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่องนี้ ความจริงประทับใจป๋ามาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว
พุซ อิน บู๊ทส์ ภาค 2 สปอย มีทั้งดุดัน แอ๊บแบ๊ว เฮฮา และออดอ้อน นอกเหนือจากความสนุกป่วนฮาแล้ว เรื่องนี้ยังคงเส้นคงวาในเรื่องของ มิตรภาพ ความรัก ของเพื่อนฝูง ที่เรื่องนี้แสดงให้เห็นได้อย่างดีมาก คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองสบายใจได้ หนังไร้พิษภัย ดูแล้วใจฟูสุด ๆ
จุดอ่อนของเรื่องนี้
และสิ่งที่เราพูดไม่ได้เลยคือจุดอ่อน ด้วยความที่ผู้จัดทำอยากให้มีบทของตัวละครเยอะ ๆ ช่วงหลังก็เล่นพากันแย่งซีนกันเอง ทุกตัวละครจะโผล่มาในฉากเพื่อต่อสู้กันอย่างดุเดือด
พอถึงช่วงซีนสำคัญหรือ ไคลแมกซ์ กลับกลายเป็นแป้ก ไปแบบดื้อ ๆ ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นหนัง พุซ อิน บู๊ทส์ 2 เรื่องย่อ แอนิเมชั่นที่ค่อนข้างให้ผลลัพธ์ออกมาได้อย่างน่าประหลาดใจไม่น้อยเลย
เพราะมาตรฐานที่ภาคแรกเคยทำเอาไว้แค่เพียงหนังภาคแยกที่ให้ความรู้สึกเฉย ๆ เท่านั้น แต่กลับมาในภาคนี้กลับเต็มไปด้วยแนวการพัฒนาที่ดีขึ้นในทุก ๆ
ทาง บทหนังแข็งแรง การเล่าเรื่องมีจังหวะ คาแรกเตอร์ต่าง ๆ เต็มไปด้วยมิติ กลายเป็นองค์ประกอบที่นำมายำรวมกันแล้วนั้น ออกมาได้ดีกว่าที่ปรารถนาเอาไว้ก่อนจะเข้าไปชม ถือได้ว่าเรื่องนี้ทำออกมาให้ผู้ชมจดจำมาก
โดยรวมแล้ว Puss in Boots สปอย ถือว่าเป็นอนิเมชั่นที่ดีมาก ๆ อีกเรื่อง กลายเป็น 1 ในอนิเมชั่นที่ฉันชื่นชอบ มักจะหยิบแผ่นมาดูบ่อย ๆ และไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะคอหนังอนิเมชั่น หรือ แม้แต่แฟน ๆ ของดรีมเวิร์คส์ หรือแฟน ๆ ของเชร็คก็ตาม เชื่อว่ามีไม่น้อย ที่หลงรักเจ้าแมวสีส้มตัวนี้ อ้อเกือบลืมไป ในเรื่องยังมี ท่าไม้ตาย ของพุซ ให้เห็นกันด้วย ซึ่งหลายคนคงรู้ว่ามันคืออะไร เสียดาย มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น