รีวิวมินเนี่ยน 2 ทุกคนวันนี้ฉันจะมาทุกคนมาพบกับพวกมินเนี่ยน ถือได้ว่าเป็นการกลับของพวกน้องอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาโผล่ไปแจมเป็นองค์ประกอบให้หนังภาคหลัก
พวกน้องตัวเหลืองก็กลับมาสานต่อในหนังของตัวเองอีกครั้งใน Minions 2 The Rise of Gru ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าการกลับมาคราวนี้ ต้อง ตลก โหด มัน ฮา น่ารักกว่าเดิมแน่นอน
และพวกเขายังคงฉายเสน่ห์อันเหลือล้นออกมาได้อีกเช่นเคยที่ทำเอาแฟนน้องตัวเหลืองต่างหลงรักจนฉุนไม่อยู่ แม้ว่าจะสัมผัสได้ถึงความตันของไอเดียที่พามาในทิศทางนี้บ้างก็ตาม
แต่อย่างน้อย ๆ เหล่าชาวมินเนี่ยนก็ยังสร้างความบันเทิงเริงใจได้เหมือนเคย ถือได้ว่าเรื่องนี้ยังคงทำออกมาได้สนุกเหมือนเดิม ถ้าหากท่านกำลังมองหาเว็บดูหนังดี ๆ สามารถเข่ารับชมฟรีได้ที่ ดูหนังออนไลน์
รีวิวมินเนี่ยน 2 การกลับมาของเขา เจ้าตัวป่วนสีเหลือง ตัวละคร ที่น่ารัก
รีวิวมินเนี่ยน 2 จุดกำเนิดของน้องตัวเหลือง
รีวิวMinions 2 หลาย ๆ คนอาจจะมีความสงสัยมาน้องตัวเหลืองมีจุดกำเนิดความเป็นมาอย่างไร ไม่ต้องกังวลเดี๊ยวฉันจะให้คำตอบคุณเอง เรามาเริ่มกันที่ภาพยนตร์ ภาค ต่าง ๆ ที่กำเนิดน้องขึ้นมา มินเนียนมาจากไหน
เริ่มตั้งแต่ Despicable Me ในปี 2010 และ Despicable Me 2 ในปี 2013 และ Minions ในปี 2015 และ Despicable Me 3 ในปี 2017 จนมาถึง Minions: The Rise of Gru ในปี 2022 ภาคใหม่ล่าสุดนั้นเอง
ซึ่งกว่า 12 ปี แล้วที่ผู้คนทั่วทั้งโลกได้รู้จักกับ สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวสีเหลือง ชื่อ มินเนี่ยน น้องอาจจะเกิดในยุคดึกดำบรรพ์ ที่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า พวกเขากำเนิดมาบนโลกได้อย่างไร แม้ว่า มินเนียนจะมีหลายนิสัย หลายตัว หลายชื่อ
แต่สิ่งสำคัญคือ พวกเขามีเป้าหมายเดียวกัน และหน้าตาแทบจะคล้ายกันเลย คือการรับใช้จอมวายร้ายในโลกใบนี้ การเจอบอสไม่ยาก แต่ยากตรงรักษาชีวิตบอสให้ปลอดภัย ตั้งแต่ไดโนเสาร์ ฟาโรห์ แดร็กคูล่าร์ จนถึง กรู การรักษาเจ้านายของพวกเขาเป็นอะไรที่ท้าทายมาก 555
ซึ่งเจ้า Minion สิ่งมีชีวิตตัวเหลืองใส่เอี๊ยมที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่นั้น คือตัวละครเสริมซึ่งถูกเปิดตัวมาในภาพยนตร์อนิเมชั่น Despicable Me ในฐานะลูกน้องน่ารักน่าเอ็นดูของ Gru วายร้ายจมูกยาวตัวเอกของเรื่องนั้นเอง
พอวันเวลาผ่านไป Minion กลายเป็นมาสคอตของหนังแซงหน้า Gru ตัวเอกของเรื่องไปเรียบร้อย สามารถติดตามการรีวิวของเราหรือสามารถอ่านรีวิวเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ รีวีวหนังการ์ตูน
และได้ออกสื่อมากมายของเล่นก็มากมี ไม่น่าแปลกใจที่ทางค่าย Universal จะอนุมัติสร้างภาคแยกออกมา เพราะน้องตัวเหลืองเขาโด่งดังจริง ๆ ความน่ารักของน้องใคร ๆ ก็หลงรัก เพียงแต่สถานการณ์ภายในเรื่องกับโลกความเป็นจริงก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่
ทั้งMinion และ Gru ดูจะขาดกันและกันไม่ได้ นั่นทำให้ไม่ว่าจะในหนังเรื่องไหน พวกเขาก็จะต้องมีบทเหมือนกันไม่มากก็น้อย ส่งผลให้หนัง Minions กับ Despicable Me ดูไม่มีความต่างกันนัก และด้วยความสัตย์จริงฉันรู้สึกว่าอย่างหลังมันกลมกล่อมกว่าเสียอีก
และหลังจากที่เราสนุกสนานกันไปกับภาคแรก ที่หลายคนว่ามันยังไม่สุด เทียบกับที่คนดูได้จาก Despicable Me ยังไม่ได้เลย ภาคต่อมาจึงจัดให้กับลีลาความยียวน บ๊อง เพี้ยน น่าร้ากกกกก
ของเหล่าสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวตัวเหลืองที่รักเจ้านายเป็นบ้าเป็นหลังเรื่องนี้ มินเนี่ยน 2 มาเรามาเข้าประเด็นหลักของเรื่องเลยดีกว่า เรื่องราวของเรื่องนี้ก็จะประมาณว่าเด็กน้อยกรูโตขึ้นเป็นเด็กวัยสิบเอ็ดขวบ เขามีชีวิตอยู่กับแม่ก็จริง แต่เหมือนเขาจะมีความสุขอยู่กับเจ้าพวกตัวเหลืองใต้ดินเสียมากกว่า ครั้งนี้
เขาได้พบเจอภารกิจชีวิต ความใฝ่ฝันของเขาคือการได้เป็นส่วนหนึ่งของมหาวายร้าย และผลพวงของการทำตามฝัน ทำให้เหล่าตัวเหลืองต้องออกโรงช่วยเหลือเจ้านายอีกครั้ง
ครั้งนี้ ยังมี Kyle Balda รับหน้าที่กำกับเหมือนเดิม แต่คนช่วยกำกับเปลี่ยนหน้าเป็น Brad Ableson และ Jonathan del Val รับชมเรื่องนี้ได้ที่ ดูมินเนี่ยน 2
เรื่องราวบ๊องบ็องของพวกน้องตัวเหลือง
โดยเรื่องราวใน Minions The Rise of Gru จะเน้นไปที่เหตุการณ์เมื่อเหล่ามินเนียนได้มาอยู่กับ กรู เด็กประธมที่ใฝ่ฝันอยากเป็นวายร้ายระดับโลกหรือจอมโจรวายร้าย
อาชีพดี ๆ ก็มีนะน้องหนู 5555 ซึ่งสำหรับวงการอาชญากรแล้วไม่มีกลุ่มก้อนไหนจะโฉดชั่วสุดเซี้ยวที่เฟี้ยวขั้นสุด เท่ากลุ่มวิเชียสซิกส์ 6 อาชญากรสุดโฉด
ที่นำโดย เบลล์ บอตทอม หลังจากเหตุการ์ณการออดิชันจบลงด้วยคำดูถูก กรู จึงแก้เผ็ดด้วยการขโมยสร้อยเหรียญนักกษัตรมหากาฬที่กุมอำนาจครองโลกไว้ แต่ไม่วายกรูดั๊นถูกลักพาตัวจนเหล่ามินเนี่ยนต้องรวมพลังจุ้มปุ๊กหาทางช่วยเจ้านายน้อยของพวกเขาให้ได้ ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
หากตัดเกรดหนังที่โจทย์ของมัน Minions 2 ผู้กำกับ แทบไม่มีจุดให้หักคะแนนเลย ถ้าคนดูอยากดูมินเนียนใช่มั้ย 80% ของหนังภาพที่กระทบเรตินาของเราก็มีแต่เหลือง ๆ ฟ้า ๆ เต็มไปหมด แถมมันยังเล่นมุกกาว ๆ ฮา ๆ กวน ๆ ในระหว่างที่ดูทำให้รู้ว่าเออเรื่องนี้มันทำให้เราคลายสมองได้มากเลยนะ
และชวนขยับเหงือกเต็มไปหมด มิหนำซ้ำมันยังสัมทับด้วยการนำเสนอไลฟ์สไตล์ยุค 70 ที่เวิร์กมาก ๆ มันดูคลาสสิคทั้งร้านขายแผ่นเสียง เพลงฟังก์
หนังสุดฮิตอย่าง Jaws และแฟชันที่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ แฟชั่นแบบยุค y2k 5555 ให้เราได้ตื่นตาอยู่เรื่อย ๆ รวมถึงมุกล้อหนังดังที่บางมุกก็อาจลึกเกินเด็ก ๆ จะเข้าใจไปหน่อย
อย่า ๆ อย่าพึ่งใจร้อนฉันจะเข้าเนื้อเรื่องจริง ๆ ล่ะ เริ่มเล่าเรื่อง Minions ราวหลังจากที่พวกมินเนี่ยนออกตามหาบรรดาวายร้ายสุดโฉดมาทุกยุคทุกสมัย ปั่นป่วนจนมาเจอกับหนูน้อย กรู เด็กหนุ่มน้อยที่วาดฝันจะกลายเป็นวายร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
พร้อมด้วยบรรดาลูกสมุนตัวสีเหลืองที่เหมือนจะช่วย แต่ดันป่วนมากกว่า คราวนี้กรูได้เดินทางไปยังสถานที่เป็นเหมือนสภาของบรรดาวายร้ายที่ชื่อ Vicious 6 เพื่อต้องการเป็นวายร้ายเต็มตัว แต่ด้วยความที่เขายังเป็นเด็ก ทำให้บรรดาวายร้ายไม่ยอมรับ
แน่นอนว่าความฝันของกรูแน่วแน่เกินสิ่งใด ไม่มีอะไรฉุดหยุดรั้งความฝันของเขาได้เลย เขาเลยตัดสินใจพิสูจน์ตัวเองด้วยการขโมยอัญมณีล้ำค่าของวายร้ายตัวแม่
เบลล์ บัทท่อม ทำให้วายร้ายทั้งหมดแห่ง Vicious 6 ออกตามล่าเขาในทันที ไม่ว่าจะเป็นวายร้ายจอมพลัง และแม่ชีสายบู๊ผู้มีกระบองสองท่อนเป็นอาวุธ อาวุธอันตรายร้ายกาจมาก
Minions 2 ผู้กำกับ หรือจะเป็นมนุษย์ที่มีแขนเป็นก้ามปู ก้ามปูใหญ่ ๆ ทำให้นึกถึง ปูจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดเลย 555 แต่กรูก็ไม่น้อยหน้า เพราะเขามีบรรดาเหล่ามินเนียน
และจักรยานติดไอพ่นคู่ใจที่เร็วแรงทะลุนรก กรูตัดสินใจใช้แผนแยกย้ายหลอกล่อ โดยให้หนึ่งในมินเนียนที่ชื่อ อ็อตโต้ เอาอัญมณีหนีแยกไปอีกทาง ส่วนเขาจะเป็นคนล่อพวกวายร้ายเอง
และพวกเขาก็ทำตามแผนที่วางไว้อย่างดี ซึ่งดูเหมือนทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามแผน และกรูกำลังจะได้ประกาศศักดาเป็นวายร้ายหน้าใหม่ที่ร้ายกาจที่สุด
แต่เมื่อเจ้าอ็อตโต้เอาอัญมณีออกมาให้ มันกลับกลายเป็นก้อนหินเด็กเล่นฉากนี้คือสิ้นหวังมาก 555 จะขำหรือสงสารดีเธอ ซึ่งเจ้าอ็อตโต้ก็ได้เล่าถึงที่มาที่ไปว่าระหว่างหลบหนี มันก็ดันหลงไปอยู่ในบ้านของเด็กคนหนึ่งที่กำลังจัดงานวันเกิด
แล้วบังเอิญไปเห็นเจ้าก้อนหินเด็กเล่นชิ้นนี้เข้า มันตกหลุมรักในทันที ก่อนจะตัดสินใจแลกอัญมณีกับก้อนหินเด็กเล่น น้องตัวเหลืองก็ซื่อเกินไปนะบางที
สำหรับกรูแล้วนี่ก็เป็นเหมือนการเอาอนาคตของเขาไปโยนทิ้งเลยทีเดียว เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นยังไงต่อพวกเธอต้องไปดูนะ
ผู้กำกับของเรื่องนี้มี 3 คน และทีมงานที่คุณภาพ
มาในภาคนี้ได้ผู้กำกับมาเป็นแพ็คถึง 3 คนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ไคล์ บัลดา จาก Minions ภาคที่แล้ว และ แบรด อเบลสัน จากหนังสั่น Yellow Light และ โจนาธาน เดล วัล
จาก The Secret Life of Pets 2 ที่ไม่รู้ว่าการผนึกกำลังในครั้งนี้จะหมายถึงมาช่วยกันพยุงหนังเรื่องนี้ให้สตรองขึ้นหรือไม่หรือจะทำให้ตัวละครมินเนี่ยนดูน่าเบื่อไม่มีอะไรน่าสนใจกว่าเดิม แต่บอกได้เลยว่าผู้กำกับยิ่งเยอะก็ยิ่งทำให้หนังรู้สึกวิ่งกันไปคนละแฉกมากยิ่งขึ้นไปด้วย อาจจะมีความแปลกใหม่ที่ดีกว่าเดิม
และเรื่องนี้ Minions 2 ก็ยังคงมาพร้อมกับสูตรสำเร็จเดิม ๆ แบบภาคที่แล้วเกือบจะเป๊ะ คือหนังกะมาขายความบันเทิงและความน่ารักแบบไม่รู้ประสีประสาของมินเนียมส์ให้เพลิน ๆ
ซึ่งแน่นอนว่าตรงจุดนั้นหนังก็สามารถตอบโจทย์ผู้ชม และสร้างสีสันความสนุกได้ดีตลอดทั้งเรื่องนี้ ไม่ต้องหวังเลยว่าเนื้อเรื่องจะมีความแปลกใหม่มากกว่าเดิม แต่ยังไงเรื่องนี้ก็ยังคงสนุกเหมือนเดิมนะ
ความใสซื่อสไตล์มินเนียนส์ก็ยังคงมีเสน่ห์อยู่ต่อไป เหล่าตัวจี๊ดดดด หัวหน้าแก๊ง5555 อย่าง บ็อบ และ เควิน และ สจ๊วต ยังคงแสบสันต์เหมือนเคย เพิ่มเติมในภาคคือ อ็อตโต้ ที่เป็นสมาชิกตัวป่วนจอมวายร้ายชอบขโมยซีนประจำเรื่องนี้
คือก็ต้องยอมรับเลยว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 90 นาทีของหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความบันเทิงที่ชวนขำแบบทำงานได้ดี แต่หากว่ามองถึงแก่นแท้และเนื้อในของหนังเรื่องนี้นั้น
กลับพบว่าหนังแทบจะไม่มีอะไรพัฒนาขึ้นจากเมื่อก่อนสักเท่าไหร่เลย ตอกย้ำความจำเจเข้าไปซ้ำอีกเมื่อภาคนี้ยังเป็นภาคเล่าย้อนไปสมัยที่ กรู ยังอายุแค่ 10-11 ขวบ ตอนที่หัดเป็นวายร้ายตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งประเด็นนี้เราน่าจะเคยได้ยินได้ฟังมาแล้วจากในหนัง Despicable Me
ด้วยเหตุผลนี้เลยทำให้ รีวิว Minions The Rise of Gru เป็นการเล่าเรื่องวนอยู่ในอ่างเดิม ๆ คือเนื้อเรื่องไม่เปลี่ยนจากเดิมเท่าไหร่นัก เนื้อหาอาจจะมีแค่เพียงหยิบมือเดียว
แต่ถูกนำมาแผ่ขนาดออกไปด้วยการสร้างสีสันและมุกตลกใส ๆ ของพวกมินเนียนส์ ก็ยังดีที่พวกเขาสามารถขายความตลกออกมาได้ดี ไม่งั้นเรื่องนี้คงน่าเบื่อ หากมาพิจารณาในองค์ประต่าง ๆ ดูนั้น
หนังยังค่อนข้างขาดความใส่ใจในเนื้อหาอยู่ในหลายจุด โดยเฉพาะกลุ่ม Vicious 6 ที่ใส่เข้ามาไม่ต่างกับตัวประกอบในหนังการ์ตูนที่ฉายตอนเช้าวันเสาร์อะไรทำนองนั้นเลย เป็นตัวร้ายที่ไร้ซึ่งน้ำหนักและที่มาที่ไป คือเหมือนพวกตัวเองที่รู้ชะตากรรมจะตายในตอนจบตอนนี้อะไรทำนองนั้น
มินเนี่ยน 2 ตัวละคร และการที่มีผู้กำกับมาช่วยทำงานด้วยกันถึง 3 คน เกือบจะทำให้เนื้อหนังทั้งเรื่องไปด้วยกันไม่ได้เสียแล้ว เพราะจะสังเกตได้ว่าโทนหนังเดี๋ยวก็กระโดดไปมาอยู่บางจังหวะ แม้ว่าจะยังเล่าเรื่องได้สนุก
และทำให้ผู้ชมคล้อยตามไปได้ แต่เดี๋ยวอยู่ ๆ อยู่กลางทะเลทราย อยู่ ๆ เด้งมาฝึกกังฟูเฟะฟะเพลินใจ มันไม่มีความสมูทเอาสะเลย ซ้ำร้ายยังได้ทั้ง มิเชล โหย่ว หรือ ทาราจิ พี เฮนสัน มาเป็นตัวละครใหม่ แต่หนังกลับไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรสักเท่าไหร่เลย
เนื้อเรื่องของเรื่องนี้มีอะไรแปลกใหม่หรือไม่
โดยสาระสำคัญของบทหนัง รีวิวมินเนี่ยน ไม่มีอะไรมากไป กว่าการบอกให้คนดูตระหนักได้ว่าหลายครั้งความสำเร็จที่แท้จริงก็มาจากทีมเวิร์กที่ดี และยังแอบใส่บทเรียนเรื่องความไว้ใจที่หลายครั้งก็ย้อนกลับมาทิ่มแทงเราได้อย่างเจ็บแสบเหมือนเรื่องราวตอนต้นเรื่อง
ซึ่งตรงนี้หากคุณพ่อคุณแม่พาลูกน้อยมาดูก็ถือว่าหนังเป็นตัวช่วยในการสอนเรื่องความฉลาดในการจัดการความสัมพันธ์ได้ดีประมาณนึงเลยทีเดียว หรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อเจอปัญหาต้องควรทำอย่างไร
อีกจุดที่ถือเป็นไฮไลต์ของหนังคือการปรากฎตัวของตัวละคร อาจารย์โจว ที่มิเชล โหยว Michelle Yeoh นักพากย์เสียงที่โครตจะเซียนจนไม่มีใครล่มความชำนาญของเขาได้ เขาได้ฝากเสียงพากย์ปรมาจารย์กังฟูในคราบหมอฝังเข็มได้อย่างน่าจดจำ
แม้ว่าเวลาบนจออาจเทียบได้แค่ดารารับเชิญ แต่เป็นหัวใจหลักส่งผลต่อบทสรุปไม่น้อย และเสียงของโหยวก็ทำให้ภาพของอาซิ่มตัวท้วมเต็มไปด้วยพิษสง และชวนให้นึกถึงหนังฮ่องกงสมัยเธอเป็นนางเอกไม่น้อยเลยทีเดียว
สำหรับเสียงพากย์ของสตีฟ คาเรลล์ Steve Carell ก็นับว่ามหัศจรรย์มาก เพราะคาเรลล์บีบเสียงให้กรูกลายเป็นเวอร์ชันหนุ่มน้อยได้อย่างน่าเชื่อถือ ส่วนอีกคนที่น่าชื่นชม
ได้แก่ ทาราจี พี เฮนสัน Taraji P. Henson ก็มาให้เสียงพากย์เป็นเบลล์ บอตทอม หรือ ในซับไตเติลภาษาไทยสุดฮาแปลเป็น ขาบานสะท้านซอย ก็ให้เสียงพากย์ที่ดูไดนามิกแอบเซ็กซี่เล็ก ๆ สร้างสีสันได้ไม่น้อยทีเดียว
Minions 2 ตัวละคร นอกจากนี้ยังมีเซอร์ไพรส์ด้วยการเชิญ ฌอง คล็อด แวน แดมJean Claude Van Damme มาพากย์เป็นตัวร้ายก้ามปูนาม ฌอง คลอว์ และ ดอล์ฟ ลุนด์เกรน Dolph Lundgren ในพากย์เป็น สเวนเจนซ์ แต่บอกตามตรงบทพากย์น้อยมากจนฟังไม่ออกเลย 5555
นอกจากงานภาพแล้วอีกจุดที่ต้องชื่นชมคืองานออกแบบเสียงและสกอร์ของหนังที่โอบอุ้มและเชิดชู ความเป็นหนังตลกกึ่งแอ็กชันของมันได้ตลอดลอดถึงฝั่ง แม้หลายครั้งจะอดคิดถึงอนิเมชันค่ายคู่แข่งอย่าง Kung Fu Panda
ไม่ได้ก็ตามแต่การออกแบบเสียงที่สอดประสานกับงานภาพก็ทำให้เห็นเลยว่ามันเป็นงานละเอียดที่ช่วยให้หนังทั้งน่าตื่นตาตื่นใจ และชวนให้เราฮาอย่างออกรสออกชาติเลยทีเดียว ถ้าใครที่อยากดูการ์ตูนที่ทำให้รู้สึกว่า ตลก ฮา สามารถทำใฟห้ท่านเบาสมอง คลายเครียดได้แนะนำเรื่องนี้เลย
รีวิวมินเนี่ยน 2 หนังที่ใคร ๆ ก็ลืมน้องตัวเหลืองไม่ลง
อย่าพึ่งคิดที่จะมีความคิดว่าเรื่องนี้ มินเนี่ยน 2 เต็มเรื่อง มันไม่มีอะไรน่าสนใจอะไรสักเท่าไหร่ หยุดเลย ต่อให้หนังจะจำเจและไม่มีอะไรที่แปลกใหม่ใด ๆ เลย
หนังชุดนี้ก็ยังขายได้เพราะความเป็นมินเนี่ยน สุดท้ายมันก็เป็นหนังที่มอบความบันเทิงให้คนดูได้ถึงใจถึงอารมณ์อยู่ดี ถึงมันจะสัมผัสได้ถึงความตัน
ในไอเดียของหนังชุดนี้บ้างแล้วก็ตาม ทั้งที่ยังมีทางอื่นอีกมากมายให้เลือกเดินเกมและเล่าเรื่องไป และนั่นอาจจะเป็นจุดที่พลอยทำให้เสน่ห์ของมินเนี่ยนต้องเสื่อมลงไปด้วยหรือเปล่า
หากจะมีภาคใหม่ตามมาอีก เห็นทีว่าสตูดิโอหนังจะต้องคิดคอนเซ็ปต์ให้ฉีกแนวหนัก ๆ เสียแล้ว แค่เนื้อเรื่องต่างจากเดิมแฟน ๆ ก็ยังคงที่จะหันมาสนใจเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตามหนัง Minions 2 เต็มเรื่อง ยังคงเล่าเรื่องได้อย่างสนุก โดยการใช้ความน่ารักสุดป่วนของแก๊งมาสร้างสีสันและความสนุกเฮฮาให้กับคนดูอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
โดยที่เรื่องราวที่ถูกเล่าออกมามันคือเรื่องราวที่ก่อกำเนิดจอมวายร้าย เรียกว่าเป็นเคสการก่อการร้ายครั้งแรกของเจ้า Gru เลยล่ะ เพียงแต่ว่าด้วยเรื่องราวที่มันถูกเล่าออกมา มันเหมือนเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างกระจัดกระจายไปนิด
ยังไงเรื่องนี้ก็ยังคงความน่าของน้องตัวเหลืองไว้ได้
หรืออาจเป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้มีผู้กำกับเยอะเกินไป เลยอาจจะมีความที่ไม่ลงตัวก็ได้ ต่างคนก็เลยใส่ความต้องการข้องตัวเองเข้าไปโดยที่มันยังไม่ได้เป็นส่วนผสมที่ลงตัว เลยกลายเป็นว่าหนังยังดูเหมือนบางช่วงบางตอนก็ไม่ค่อยได้กลมกลืนกันนัก
แต่ความน่ารักปั่นป่วนของเหล่า Minions 2 สปอย ก็กลบข้อด้อยของสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นได้อย่างดี ด้วยเสน่ห์ของตัว มินเนี่ยน เอง ที่ออกมาทีไรก็ฮาป่วนทุกที บวกกับความน่ารักแบบที่ Minions สร้างไว้จนเป็นเอกลักษณ์ ก็ทำให้หนังมันดูเพลินสนุกตลอดทั้งเรื่อง
และยังคงสามารถสร้างแฟนคลับของน้องได้เพิ่มขึ้นมากอีก เพียงแต่หนังมันยังไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่
คนที่ดู มินเนี่ยน 2 สปอย มาจากเรื่องก่อนๆ ก็อาจจะเลี่ยนกับมุขเหล่านี้บ้าง เพราะหนังยังคงเล่นกับมุขเดิม ๆ ที่เป็นมา Minions ก็ยังคงเป็น Minions ที่จะมาในมุขพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ใส่ซื่อน่ารักในแบบของแก๊งนี้