ฉันจะมา รีวิวโจเซ่ หรือเรียกอีกชื่อว่า Josee The Tiger and the Fish เป็นแอนิเมชันญี่ปุ่นที่สร้างจากเรื่องสั้นของ เซโกะ ทานาเบะ ซึ่งได้ถูกนำไปผลิตเป็นภาพยนตร์ทั้งญี่ปุ่นและเกาหลี ล่าสุดได้ถูกทำเป็นแอนิเมชันที่ได้โลดแล่นเข้าไปสู่ใจผู้ชมมากมาย
รีวิวโจเซ่ กับเสือและหมู่ปลา อนิเมะ เรื่องราวการผจญภัยเข้าสู่โลกความฝัน
รีวิวโจเซ่ อนิเมะสุดซึ้ง
ในภาคอนิเมะ Josee The Tiger and the Fish สุดซึ้งประทับใจส่งท้ายปี ไปกับความฝันเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ของ โจเซ่ หรือ คุมิโกะ และ สึเนโอะ สาวพิการที่ต้องนั่งรถเข็น ไม่ได้ออกไปเผชิญโลกภายนอก และชายหนุ่มที่มีความฝันยิ่งใหญ่ ที่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลง
การใช้ชีวิตที่สุดแสนจะน่าเบื่อของเธอให้กลายเป็นเรื่องสนุกและมีสีสัน สำหรับใครที่เป็นสายอะนิเมะ เรื่องนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีเนื้อหาที่ดีมาก ๆ แถมยังมีการนำไปสร้างเป็นเวอร์ชันเกาหลี ชื่อเรื่อง Josée ที่นำแสดงโดย นัมจูฮยอกและฮันจีมิน อีกด้วย
ฉันขอพูดถึงเรื่องย่อ สีเนโอะ เป็นหนุ่มนักศึกษาที่ชอบทะเลเป็นชีวิตจิตใจ เขาชอบดำน้ำและฝันอยากจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาใช้ความพยายามอย่างมากทั้งตั้งใจเรียน และทำงานพิเศษเพื่อที่จะเก็บเงิน
และโชคชะตาก็ทำให้เขาได้เจอกับ คุมิโกะ หญิงสาวพิการที่ต้องนั่งรถเข็น โดยทั้งคู่พบกันด้วยอุบัติเหตุ ทำให้คุณยายของคุมิโกะได้จ้างให้สึเนโอะมาเป็นผู้ดูแล เขาได้มาทำงานดูแลเธอสักพักหนึ่ง แต่ก็เหมือนว่าคุมิโอะ จะไม่เปิดใจให้เขาดูแล
และยังคอยไล่เขาหรือใช้ให้ทำสิ่งแปลก ๆ อยู่เสมอ เนื่องจากคุมิโอะเป็นคนเจ้าอารมณ์และค่อนข้างเก็บตัว เลยทำให้สร้างความลำบากแก่สึเนโอะอยู่ไม่น้อย วันหนึ่งคุมิโกะหนีออกจากบ้านและอยากจะไปทะเล
สึเนโอะตามไปเจอ เธอจึงขอให้เขาพาเธอไปทะเล หลังจากทั้งคู่ได้ไปทะเลด้วยกัน จากนั้นทั้งคู่ก็ออกไปข้างนอกด้วยกันบ่อย ๆ และทั้งสองต่างได้เรียนรู้อีกฝ่าย ผ่านการออกไปเที่ยวในแต่ละครั้ง จนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อย ๆ ดีขึ้น
เรื่องนี้ Josee The Tiger and the Fish เรื่องย่อ คือภาพยนตร์แอนิเมชั่นโรแมนติกดราม่าของหญิงสาวผู้นั่งรถเข็นวีลแชร์ และชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นทำตามความฝันในชีวิต กับเรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งสองคนที่ได้มาเติมเต็มชีวิตให้แก่กันและกัน
ซึ่งสำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ถูกดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องสั้นของ อาจารย์ Tanabe Seiko และก็เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์คนแสดงถึงสองครั้งด้วยกันในเวอร์ชั่นของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มาก่อนอีกด้วย
ในสำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นนี้ช่วงแรกค่อนข้างจะเล่าอย่างรวดเร็ว เป็นการเล่าถึงตัวพระเอกว่าเป็นใคร เป็นการเล่าถึงตัวตนของตัวละครเพียงเท่านั้น ก็พอจะทำให้รู้ว่าตัวพระเอกเป็นคนอย่างไรและมีความฝันอะไรในชีวิต
ซึ่งเป็นการเล่าที่เรียบง่ายไม่มีอะไรมากมาย แต่ด้วยงานอริเรกและการทำงานนพิเศษที่ตัวพระเอกทำที่เกี่ยวข้องกับทะเลและการดำน้ำ มันจึงทำให้เห็นฉากสวยๆ ของใต้ท้องทะเลตั้งแต่ช่วงต้นเรื่องเลย
และจนกระทั่งตัวพระเอกได้ช่วยเหลือตัวโจเซ่อย่างบังเอิญ ทำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกันมากขึ้น แต่ถึงช่วงแรกเธออาจจะยังไม่เต็มใจมากนัก ด้วยความที่เคยชินกับการอยู่กับแค่คุณยายแค่สอง ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกและไม่คุ้นชินกับคนแปลกหน้า
จึงทำให้เธอไม่ค่อยได้เปิดใจกับตัวพระเอกมากมายเท่าไหร่นัก ซึ่งตรงนี้มีแต่โมเม้นท์ฮา ๆ และน่ารักระหว่างตัวโจเซ่และสึเนโอะ ด้วยบุคลิกที่เป็นคนน่ารักแต่ปากจัด ก็ยิ่งน่าเอ็นดูขึ้นไปอีก ถ้าหากสนใจการรีวิวของเราก็อย่าลืมติดตามการรีวิวของเราได้ที่ รีวิวแนิเมะ
แนะนำตัวละคร
ฉันอยากจะพูดถึงตัวละครของเรื่องนี้ Josee The Tiger and the Fish ตัวละคร เพราะแต่ละตัวละครมีบุคคลิกที่น่าสนใจทั้งนั้นเลย เริ่มที่ตัวละครแรก คือ คุมิโกะ หรือ โจเซ่ เป็นชื่อตัวเอกของตัวละครจากหนังสือเล่มที่คุมิโกะชอบ และเป็นชื่อที่สึเนโอะใช้เรียก โดยโจเซ่เป็นคนที่ชอบวาดรูปและชอบทะเลมาก แต่ด้วยเธอเดินไม่ได้ และคุณยายของเธอไม่ให้เธอออกไปข้างนอก
เลยทำให้บางครั้งเธอก็เป็นคนเอาแต่ใจ และเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงอีกด้วย โดยโจเซ่ฝันว่าเธออยากที่จะไปทะเล และชิมน้ำทะเลว่ามีรถชาติอย่างไร ความฝันเล็ก ๆ เหล่านี้ทำให้เธอมีชีวิตต่อและใช้ชีวิตอย่างมีความหวังเสมอมา
ตัวละครที่สอง คือ สึเนโอะ เด็กหนุ่มซึ่งมีความฝันที่อยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เขาเป็นคนที่ชอบทะเลมาก ๆ และเป็นคนขยันและมีความมุ่งมั่น หลังจากที่ได้ดูแลโจเซ่ เขาก็กลายเป็นที่พึ่งพิงของเธอเสมอมา
และเขายังเป็นคนที่พาเธอไปยังสถานที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ เสมอ สึเนโอะเป็นคนที่เรียบร้อย เงียบขรึมและมีความรับผิดชอบมาก ๆ เขาจะคอยอยู่เป็นเพื่อนโจเซ่เสมอและดูแลเธออย่างดี
คนส่วนใหญ่มักมีคำถามว่า สึเนโอะหรือผู้ดูแลที่เข้ามามีผลกับโจเซ่อย่างไร รถเมล์ คือถ้าดูจากในเรื่อง สึเนโอะเหมือนแฟนมากกว่าผู้ดูแล หัวเราะ เพราะเราเห็นแต่ภาพของการออกไปเที่ยวอย่างเดียว
ซึ่ง รีวิวJosee The Tiger and the Fish ในความเป็นจริงการเป็นผู้ดูแลคนพิการมีหน้าที่ที่หลากหลายมากทั้งทำกับข้าว อาบน้ำ ดูแลชีวิตการใช้ชีวิตประจำวันทั้งหมด อาจเป็นเพราะโจเซ่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ประมาณหนึ่ง
ถ้าเปรียบเทียบกับเราที่ไม่มีแรงจะหยิบของด้วยตัวเองเมื่อมีผู้ช่วยคนพิการ เขาเป็นคนหยิบมาให้ หรือเมื่ออยากจะย้ายตัวเองก็จะให้เขาเป็นคนช่วย ผู้ช่วยจะคอยสนับสนุนตามความต้องการของเรา ไม่ใช่การคิดแทน
หรือตัดสินใจแทน ในช่วงแรกของหนังนางเอกอยากไปข้างนอก แต่พอคุณย่าสั่งห้ามว่าไม่ให้ออก ก็ทำให้สึเนโอะซึ่งเป็นผู้ดูแลสับสน และไม่ค่อยสนับสนุนความต้องการของโจเซ่สักเท่าไหร่ ทั้งที่เธออยากจะออกไปข้างนอก
คำสั่งทำให้ซึเนโอะสับสนว่าต้องทำตามคำสั่งใครกันแน่ หากเป็นในชีวิตจริง ทั้งคุณย่าและโจเซ่ควรจะคุยให้รู้เรื่อง และตกลงกันให้เรียบร้อยว่าไม่ให้ออกไปเพราะอะไร และโจเซ่อยากออกไปเพราะอะไร
และระหว่างที่ฉันดูเรื่องนี้รู้่สึกว่า นางเอกเป็นคนขี้หงุดหงิดพอสมควรในช่วงต้น บกตัวอย่างเช่น เธอเป็นคนที่อ่านหนังสือมากแต่ไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์กับสังคม จึงมีความยึดโยงตัวเองค่อนข้างสูง เหมือนกับช่วงแรกยังมีจังหวะที่กดดันพระเอกอยู่
ต้องไปหาใบโคลเวอร์ต้องไปหาลายเสื่อ โจเซ่ค่อนข้างใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางเธอยังไม่ค่อยนึกถึงคนอื่น เหมือนกับคนพิการที่ไม่ค่อยได้เจอคนอื่น ก็จะมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ค่อนข้างน้อยตามไปด้วย และเธอเองก็เชื่อในสิ่งที่หนังสือที่ได้อ่านเพราะมองว่าเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว
ในความเป็นจริงก็มีคนพิการที่ขี้หงุดหงิด ถ้าไปอยู่ในจุดที่คุณย่าพูดซ้ำๆ ว่า การออกไปข้างนอกมันอันตราย แบบนี้ใครก็หงุดหงิด เพราะสำหรับเราแม้จะรู้ว่าข้างนอกอันตราย แต่ก็อยากออกไป อยากรู้ว่าอันตรายแบบไหน
การไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้สึกหงุดหงิด เหมือนถูกจำกัดเพราะเป็นคนพิการ เวลาเห็นย่ากลัวอันตรายในบริบทประเทศญี่ปุ่นแล้วก็นึกขำว่า ถ้าโจเซ่มาอยู่ไทยย่าก็คงช็อกไปแล้ว
ไม่มีทางเป็นไปได้เลยถ้าโจเซ่เมืองไทยอยากไปทะเล ด้วยขนส่งสาธารณะ เราคงไม่มีภาพสวยๆ เหมือนในหนังแน่นอน นักศึกษาคนหนึ่งจะพาคนพิการนั่งวิลแชร์ไปทะเลยังไง หากไม่มีรถเป็นของตัวเอง
ความน่ารักของตัวละคร
และ รีวิวโจเซ่ กับเสือและหมู่ปลา ตัวละครทั้งสองตัวมีความชอบที่คล้ายกัน คือชอบทะเลเหมือนกัน มีความมุ่งมั่นและมีความเข้มแข็งทั้งคู่ เป็นคนที่คอยเป็นกำลังใจและสนับสนุนกัน
ถือเป็นตัวละครที่น่ารักและให้ข้อคิดเรื่องความอดทน และความพยายามกับใครหลายคนอย่างยิ่ง โดยทั้งสองตัวละครมีอุปสรรคเข้ามาในชีวิตมากมาย แต่ทั้งสองก็ช่วยเหลือกันและพึ่งพากัน จนพากันก้าวผ่านสิ่งต่าง ๆ มาได้
แล้วในความเป็นจริงการมีผู้ช่วยทำให้ชีวิตอิสระมากขึ้นไหม ก็แน่นอนว่าการมีคนช่วยเหลือทำให้เราได้ไปในที่ที่อยากไปมากขึ้น บางทีแม่หรือคนในครอบครัวก็มีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำ
เลยไม่สะดวกที่จะไปกับเราตลอดเวลา การมีผู้ดูแลจึงทำให้เราคล่องตัวมากขึ้น อย่างนี้เรื่องเมื่อสึเนโอะมาก็ทำให้คุณยายได้มีเวลาของตัวเองมากขึ้น
แต่สิ่งที่ต้องระวังสำหรับคนเป็นผู้ช่วยคือเรื่องของการคิดแทน การมีผู้ช่วยคือการสนับสนุนในส่วนที่เราทำเองไม่ไหว หรืออยากให้เขาช่วย ไม่ใช่ตัดสินใจแทนให้ทุกอย่าง เราเองก็ยังเจอการตัดสินใจแทนบ้าง
เช่น เราจะตื่นเพื่อเตรียมตัวเรียนตอน 7 โมง แต่เขาคิดว่า เรานอนดึกตื่นสายบ้างก็ได้ เขาก็ไม่ปลุกเรา ทำให้แผนเราล่มหรือเวลาเราจะแต่งตัวออกข้างนอก
หรือเรื่อง โจเซ่ กับเสือและหมู่ปลา การแต่งตัวเขาบอกว่าให้ใส่ชุดอื่นเพราะใส่ง่ายกว่า แบบนี้คือการคิดแทนซึ่งทำไม่ได้ คนพิการต้องมีสิทธิในการตัดสินใจด้วยตัวเอง การเป็นผู้ช่วยไม่ได้หมายความว่ามีอำนาจเหนือคนพิการและความดื้อของโจเซ่ก็แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้กับการตัดสินใจแทนของคนอื่นเช่นกัน
ช่วงกลางเรื่องพอโจเซ่ได้ออกไปเจอสังคมเธอก็ดูสดใสมีชีวิตชีวามากขึ้น
ใช่ พอได้เห็นคนอื่นมากขึ้น จากช่วงแรกที่ไม่กล้าพูด ก็พูดเยอะขึ้น เหมือนกับคนพิการในชีวิตจริงที่ไม่ค่อยได้ออกจากบ้านก็ไม่แปลกที่จะไม่กล้าพูด
พอเจอคนก็รู้สึกกังวล เราออกข้างนอกบ่อยก็ไม่รู้สึกกังวล ไม่ประหม่า นอกจากนี้เราก็ยังเห็นคนไม่พิการที่งงๆ บ้างว่า ต้องช่วยเหลือคนพิการอย่างไรหรือจะต้องเริ่มปฏิสัมพันธ์แบบไหน
คุณย่าเสียชีวิตของโจเซ่ก็เปลี่ยนไป
และ โจเซ่ กับเสือและหมู่ปลา เรื่องย่อ พอคุณย่าเสียชีวิตของโจเซ่ก็เปลี่ยนไปเลย ซึ่งโจเซ่ต้องดูแลตัวเองเมื่อต้องอยู่คนเดียว ในชีวิตจริงคนพิการอาจจะต้องประเมินว่า ระดับความพิการมากแค่ไหน ความพิการของโจเซ่อาจจะยังไม่ท้าทายมาก
เพราะยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในหลายเรื่อง เช่น เคลื่อนย้ายและจัดการตัวเองได้ บวกกับตัวเธออยู่ในบริบทสังคมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการออกไปใช้ชีวิตในสังคมข้างนอก
ในอนิเมะอาจนำเสนอมุมเดียว คือการที่ออกไปเจอคนที่เป็นเสือหรือกลุ่มคนที่ค่อนข้างใจร้ายกับคนพิการ คนเห็นแก่ตัว แต่ในมุมอื่นๆของชีวิตคนพิการ
เช่น เรื่องของ Universal Design ความลำบากที่คนพิการเจอจึงอาจต้องประเมินจากระดับ ความพิการและบริบทของสังคม ยิ่งพิการมากและอยู่ในสังคมที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกก็ยิ่งลำบากมาก
ในหนังจะเห็นว่า โจเซ่ได้รับการติดตามและประเมินจากนักสังคมสงเคราะห์ในพื้นที่ ช่วงหนึ่งเขาแนะนำให้เธอไปเป็นนักวาดภาพเพราะเธอชอบวาดรูป เขาหาหน่วยงานที่รองรับความฝันของเธอ ต่างจากในไทยที่ต้องหาเองว่า ที่ไหนเปิดรับคนพิการเข้าทำงาน
โดยไม่มีคนช่วยคิดช่วยวางแผน และสนับสนุนให้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองมีพรสวรรค์ คนพิการบ้านเราต้องไปคอยดูว่าองค์กรไหนต้องรับคนพิการตามกฏหมายแต่ไม่ใช่การหางานตามความถนัดและความชอบอย่างที่เราอยากทำ
และเมื่อรู้ว่าซึเนโอะต้องไปเมืองนอก ซึ่งตัวละครตัวหนึ่งบอกกับโจเซ่ว่า ซึเนโอะจะต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอก ที่เขายอมมาอยู่ด้วยเพราะว่าสงสาร
เราว่าตรงนี้ใจร้ายมาก ทั้งเพราะคนที่มาบอกอิจฉาโจเซ่และต้องการให้โจเซ่แยกออกจากสึเนโอะ และคำพูดนี้นั้นแรงสำหรับคนพิการหลายคนอยู่เหมือนกัน
โจเซ่ กับเสือและหมู่ปลา เดอะมูฟวี่ ล่าสุดเราก็เพิ่งโดนขณะขึ้นแท็กซี่เพื่อไปห้าง เขาถามว่า ขากลับมีรถหรือยัง ถ้ายังไม่มีเรียกเขาได้ จะมารับเพราะว่าเห็นแล้วสงสาร เราก็งงเหมือนกัน เพราะในความสงสารเขาก็คิดเงิน แถมยังขับรถแย่ เขามาสงสารอะไรก่อน
ส่วนโจเซ่กับสึเนโอะช่วงแรกของหนังแม้จะเป็นอารมณ์ของการจ้างงาน แต่ช่วงหลังเหมือนซึเนโอะจะชอบโจเซ่ก็เลยมาหาบ่อย ๆ ผู้หญิงอีกคนจึงเข้าใจว่า มาหากันเพราะสงสาร
เรื่องความสงสารเป็นมิติที่ดึงไม่ออกจากคนพิการสักที ในบ้านเราก็ใช้กันจนชินทั้งที่อาจทำร้ายจิตใจคนพิการ หากดูในอนิเมะแม้โจเซ่จะเลิกจ้างซึเนโอะไปแล้วแต่เขาก็ยังกลับมาหา นั่นแสดงให้เห็นว่าความรู้สึกเกินเลยความสงสารไปแล้ว
รีวิวโจเซ่ อนิเมะดราม่าที่ดี
ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ โจเซ่ กับเสือและหมู่ปลา netflix ทำให้ฉันเห็นว่าการได้ออกไปเที่ยวสำหรับคนพิการรุนแรงมีคุณค่าขนาดไหน
ซึ่งส่วนนี้อินมาก โจเซ่มีเรื่องคาใจเกี่ยวกับการไปทะเล เพราะเคยคุยกับพ่อไว้ว่ารสชาติของน้ำทะเลเป็นอย่างไร ช็อตนี้เชื่อมโยงกับเราที่เสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก
เราเคยบอกพ่อไว้ว่าถ้าโตขึ้นจะออกไปใช้ชีวิตให้ได้ สุดท้ายพ่อเสียไปก่อน เรายังไม่ได้ใช้ชีวิตให้เขาเห็นเลย ตอนนี้เราก็เลยอยากจะใช้ชีวิตให้ดีอย่างที่เคยคุยกับพ่อเอาไว้ คำพูดของโจเซ่ที่บอกว่า ถ้าไม่พยายามตอนนี้จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว เลยรู้สึกตรงมาก
เราคิดว่า ทั้งหมดทั้งมวลหนังพยายามเน้นว่าทุกคนมีฝันได้ ไม่ว่าจะเป็นคนพิการหรือไม่พิการ เกิดมาพิการไม่ได้แปลว่าไม่มีสิทธิฝัน หรือต้องใช้ชีวิตเพื่อหาเลี้ยงชีพเพียงอย่างเดียว
แต่อย่างที่เห็นว่า อยู่เมืองไทยคนพิการก็คงฝันยากหน่อย แค่ย้อนไปเรื่องผู้ช่วยคนพิการก็ยังเข้าไม่ถึง ฉะนั้นการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมแบบธรรมดาทั่วไปก็ถือว่าเป็นเรื่องยากลำบาก พอพูดถึงเรื่องฝันของคนพิการก็คงยิ่งยากขึ้นไปอีก
และที่อยากจะบอกคือ Mood ดีมากความเกาหลีไม่เคยทำให้ผิดหวัง ภาพองค์ประกอบภาพเวลาถ่ายเเช่เฟรม หรือ Insert สถานที่ว่างเปล่า บรรยากาศ
ทำให้เรารู้ถึงความเหงา ความโดดเดี่ยว ความว่างเปล่าได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น บวกกับดนตรีคลอเรื่องที่ทำให้เราละสายตาไปจากจอไม่ได้เลย มีจุดที่ทำให้คนดูต้องเสียน้ำตา
ถ้าถามว่าเรื่องนี้ โจเซ่ กับเสือและหมู่ปลา pantip มีข้อเสียหรือไม่ ฉันก็ขอบอกตรงนี้เลยว่ามี ข้อเสียที่เห็นคือ ดำเนินเรื่องอืดเเละช้า เรื่องตัดต่อในบางช่วงที่ขัดต่ออารมณ์อย่างมากกำลังอิ่มเอมปุ๊ปคัท
ไปฉากอื่นเเบบโดด ๆ เลย และซับที่ไม่ค่อยสมูทสักเท่าไร แต่ก็ดูได้ ส่วนชื่อพระเอกคือ ยองซอก นะ ไม่ใช่ ยองซุก เหมือนที่มาบนซับในโรงภาพยนตร์
แต่ก็อย่างว่าทุกเรื่องก็มีข้อเสียหมดแต่โดยรวมดี Josee ถ้าใครชอบก็ชอบเลย แต่ถ้าใครไม่ชอบก็ไม่ชอบเลยเพราะการเดินเรื่องเเละความนิ่งของเรื่องที่ไม่ได้หวือหวามากอาจจะทำให้เบื่อได้
แต่สำหรับเรา เราดูเเล้วคือนั่งดูยัน End Credit จบเลย ระหว่างที่ End Credit + กับเพลง IU เล่นไปอารมณ์ยังค้างอยู่เลย อิ่มเอมหัวใจที่บวกกับความหน่วงมาก ๆ
มีความขมขื่น มีความหวานที่ขมไปด้วย ด้วยความที่เป็นเเบบนี้ ส่วนตัวเราชอบ ๆ เเละรักในคุณค่าของเรื่องนี้ พอยองซอกออกมาในเสื้อลายสก็อตทำให้นึกถึงโดนซานเลย
และที่ฉันรู้สึกประทับใจก็คือ ตัวสึเนโอะได้พาโจเซ่ออกไปผจญภัยสู่โลกภายนอก ออกไปพบเจอกับสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อนของตัวโจเซ่ ได้ทำอะไรครั้งแรกที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำให้เราสนุกและอมยิ้มไปกับทั้งสองคน
ยิ่งทั้งสองคนสานความสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เรารู้จักตัวตนของทั้งสองคนมากขึ้นยิ่งไปอีก แต่ก็มีบางจุดที่ไม่เข้าใจความคิดของตัวละครอยู่บ้างเล็กน้อย ถึงแม้จะพอเดาเหตุผลของตัวละครได้อยู่ แต่เพราะตัวเรื่องเล่าตรงจุดนี้ได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก
อนิเมะให้ข้อคิด
แล้วถือเป็นหนัง โจเซ่ กับเสือและหมู่ปลา พากย์ไทย ที่ให้ข้อคิดและเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างมาก เหมาะสำหรับใครที่กำลังหมดไฟในการทำงาน ความฝัน หรือการใช้ชีวิต ถือเป็นอะนิเมะอีก เรื่องที่มีเนื้อเรื่องที่เรียบง่าย ธรรมดา
แต่แฝงไปด้วยเนื้อหาที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต โดยเนื้อเรื่องนำเสนอผ่านมุมมองของวัยรุ่นมีฝัน ผ่านตัวละครสึเนโอะ ที่เขามีความฝันและความทะเยอทะยานในการใช้ชีวิต พร้อมฝ่าฝันอุปสรรคที่เข้ามาเสมอ
และนำเสนอเรื่องราวความฝันเล็ก ๆ ที่เป็นความหวังในการใช้ชีวิต ผ่านตัวละคร คุมิโกะ หรือ โจเซ่ โดยในเรื่องก็จะเล่าเรื่องราวการเติมเต็มชีวิตของโจเซ่ ที่เธอใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านตามคำสั่งของคุณยายของเธอ
การที่เธอได้ออกไปข้างนอกกับสึเนโอะจึงเป็นเรื่องใหม่และพิเศษกับเธอมาก ๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราสามารถอมยิ้มไปกับการผจญภัยเล็ก ๆ ของโจเซ่ และอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้อะนิเมะเรื่องนี้ดูลงตัว ก็คือโทนสีของภาพที่เบาสบายและสะอาดตา ทำให้ดูหนังได้แบบเพลิน ๆ
ในความประทับใจ คือความใส่ใจและคอยช่วยเหลือของสึเนโอะคือสิ่งที่น่ารักและประทับใจมาก ๆ จากในหนังจะมีตอนที่คุณยายของโจเซ่เสียชีวิต ทำให้เธอรู้สึกเคว้งคว้าง
เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทำอะไรต่อ และเธอก็ไม่สามารถที่จะจ้างสึเนโอะได้อีกต่อไป แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งเธอ ยังคอยมาเฝ้าดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเธอ ถือเป็นมิตรภาพที่สวยงามของคนสองคนที่ลงตัวและสวยงามอย่างยิ่ง
การตัดต่อ การดำเนินเรื่อง แสง เสียง คือ การดำเนินเรื่องก็ตามสเต็ปของอะนิเมะแนวอบอุ่นของญี่ปุ่น คือดำเนินเรื่องแบบเรื่อย ๆ เน้นเล่าเรื่องผ่านเรื่องราวการใช้ชีวิต และอุปสรรคในแต่ละวัน
การดำเนินเรื่อง โจเซ่ กับเสือและหมู่ปลา อนิเมะ ไม่มีอะไรหวือหวา เน้นเรื่อย ๆ สบาย ๆ เสียมากกว่า ส่วนเรื่องแสง และการตัดต่อ ทำได้ดี ทุกอย่างดูลงตัว โทนสีละมุนสบายตา ไม่มีส่วนไหนที่รู้สึกขัด ภาพรวมถือว่าดีเลยทีเดียว แถมเพลงประกอบยังเพราะมาก ๆ อีกด้วย
และการเล่าเรื่องเเสดงให้เห็นมุมใหม่ของอาชีพคนเเก่ที่เก็บของขาย ความลำบากที่เกิดขึ้น การสู้ชีวิต การใช้ชีวิต ตั้งเเต่เก็บ เลือกของที่ตัวเองที่ใช้ได้ ยันขายเเล้วได้เงิน น้อยมากที่จะนำเสนออาชีพนี้
รับรู้ถึงความรู้สึกของคนพิการที่ฐานะไม่ได้ร่ำรวย มีความกลัวต่อสังคม เพราะรู้ว่าคนมักจะมองเพราะสงสาร มองเป็นคนนเเปลกอยู่เสมอ ทั้งที่เราต่างเป็นคนเหมือนกัน ความสุขของเขาแค่ได้อ่านหนังสือก็ทำให้เขาเหมือนได้ไปเที่ยวเเล้ว
คุณค่าที่ต่างกันที่บางมองข้าม ของไม่มีค่าสำหรับคนอื่นแต่อาจจะมีค่าสำหรับบางคน อาหารที่อาจไม่มีค่าของคนอื่น แต่อาจเป็นอาหารที่ทำให้เขาประทังชีวิตอยู่ได้ หนังสือที่วันนึงกลายเป็นของที่ไม่ได้ต้องการแต่สามารถสร้างโลกที่สวยงามให้เขาได้ และเป็นโลกที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขาเลยด้วย
ได้เห็นถึงระบบของประเทศเกาหลีที่มีต่อคนพิการจะได้สิทธ์หลายอย่างถ้าลงทะเบียนคนพิการ มีเหมือนสมาคมโดยเฉพาะทางเลย มีคนมาค่อยเเวะดูบ้างด้วย มีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ แถมยังมีซ่อมบ้านให้เพื่อให้เกิดความสะดวกในการใช้ชีวิต
การเปิดใจเเละเปิดรับสิ่งใหม่ทำให้เราอาจไม่ใช่ทางที่เเย่ไปหมด แต่อาจทำให้เรามองเห็นทางสว่างที่เร็วขึ้น ในสิ่งเก่าๆที่ผ่านมาจะกลายเป็นบทเรียนเเละประสบการณ์ที่ดีที่คอยสอนเราทำให้เราเกิดการเรียนรู้เเละจัดเรียบระบบความคิดใหม่ไปอีก