รีวิว Doraemon Nobita no Takarajima

แนะนำการ์ตูนโดรเม่อน ที่เรื่องราวของโจรสลัด ถ้าให้พูดถึงการ์ตูนอันดับ 1 ในใจคนไทยหลายคน แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ โดราเอมอน แมวสีฟ้าที่มาจากโลกอนาคตพร้อมของวิเศษต่างๆ ซึ่งนอกจากฉบับหนังสือการ์ตูน สามารถดูได้ที่ อนิเมะ

 

รีวิว Doraemon Nobita no Takarajima

 

และการ์ตูนฉายเป็นตอนทางทีวีแล้ว โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ หรือ โดราเอมอน ฉบับภาพยนตร์ฉายในโรงหนังก็เป็นอีกเวอร์ชั่นที่แฟนๆ ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ติดตาม วัดได้จากรายได้ที่ถล่มทลายทุกครั้งที่เข้าฉายในญี่ปุ่น จนกลายเป็น 1 ในหนังอนิเมชั่นสุดคลาสสิกของแดนอาทิตย์อุทัยไปแล้ว

เช่นเดียวกัน Doraemon The Movie 2018: Nobita’s Treasure Island ที่เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา มีกระแสตอบรับที่ดีมากๆ กับเปิดตัวด้วยยอดขายบัตรกว่า 8 พันล้านเยน และการติดอันดับ 1 Japan Box Office ในสัปดาห์แรกที่เข้าฉาย เอาชนะหนังบล็อกบัสเตอร์จากฮอลลีวู้ดอย่าง Black Panther ได้สำเร็จ รวมถึงยังทำสถิติเป็น Doraemon The Movie ที่มียอดขายตั๋วสูงสุด

ทั้งนี้ โดราเอมอน ตอน เกาะมหาสมบัติของโนบิตะ คือ โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ตอนที่ 38 จากเฟรนไชส์ Doraemon The Movie โดยได้เค้าโครงมาจากนวนิยายของ โรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน เรื่อง เกาะมหาสมบัติ

ซึ่ง Doraemon The Movie 2018: Nobita’s Treasure Island มี อิมาอิ คาซุอากิ ผู้กำกับ โดราเอมอนฉบับอนิเมชั่นที่ฉายทางโทรทัศน์มารับหน้าที่กำกับโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์เป็นครั้งแรก และยังได้ คาวามุระ เกนคิ คนเขียนบท If Cats Disappeared from the World มาเขียนบทหนังให้ใหม่

 

รีวิว Doraemon Nobita no Takarajima

 

Doraemon The Movie 2018: Nobita’s Treasure Island เรื่องราวของ โนบิตะ ที่บอกกับ ไจแอนท์ ว่าจะออกตามหาสมบัติ โดราเอมอนเลยนำของวิเศษ แผนที่หาสมบัติ ออกมา จุดที่ชี้ในแผนที่เตือนว่าที่นี่มีสมบัติอยู่ ซึ่งก็คือมหาสมุทรแปซิฟิก จากนั้นเหล่าเพื่อนๆ จึงเดินทางด้วยเรือ โนบีตาโอร่า

แต่ต่อมาพวกเขาถูกกลุ่มโจรสลัดโจมตีตอนที่กำลังลงจอดที่เกาะ หลังจากหนีมา ก็ได้เจอกับเด็กชายชื่อ ฟล็อค ผู้มาพร้อมกับหุ่นยนต์นกแก้ว ควิซ ฟล็อคเป็นเด็กชายช่างเรือผู้รู้ความลับของเกาะมหาสมบัติ เขาได้หนีออกมาจากเรือโจรสลัดเพราะเหตุใดกัน! และโนบิตะจะช่วยชิซุกะให้รอดพ้นจากเงื้อมมือโจรสลัดได้หรือไม่ แล้วความลับของเกาะมหาสมบัติที่หลับใหลอยู่คืออะไรกันแน่

ตัวหนังน่าสนใจกว่าที่คิด เชื่อว่าหลายคนอาจเคยอ่านหรือดู โดราเอมอน ตอน เกาะมหาสมบัติของโนบิตะ มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฉบับหนังสือการ์ตูนหรือเวอร์ชั่นฉายทางทีวี ทว่า Doraemon The Movie 2018: Nobita’s Treasure Island มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องไปจากฉบับดั้งเดิมพอสมควร ไม่เหมือนกับเรื่องราวที่เราเคยผ่านตามาก่อน

รีวิว Doraemon Nobita no Takarajima

เนื่องจากไม่ได้รีเมกมาจากต้นฉบับทั้งหมดเหมือนบางภาค แต่ใช้วิธีเขียนเรื่องราวขึ้นมาใหม่ โดยอ้างอิงโครงเรื่องเดิม ทำให้เนื้อหาของหนังดูสนุก น่ารัก ร่วมสมัย ชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ดูได้แล้วที่ ดูอนิเมะ

 

 

ที่สำคัญคือผู้กำกับสร้างภาพยนตร์ออกมาให้เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สามารถเข้าชมได้ทั้งครอบครัวโดยที่ไม่ได้มีฉากรุนแรงเกินไป และไม่ได้เดินเรื่องน่าเบื่อแบบหนังการ์ตูนเยาวชน มีความเข้มข้นของบทที่คนทุกเพศทุกวัยเข้าถึงได้ นอกจากนั้น ยังคงถ่ายทอดแง่คิดดีๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ มิตรภาพ ความรัก ความฝัน ออกมาได้อย่างลงตัว น่าประทับใจเช่นเคย

ส่วนงานโปรดักชั่น ลายเส้นกับภาพสวยงาม แต่ภาคนี้มีกลิ่นอายของ อาจารย์ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ผู้เขียนโดราเอมอนอยู่สูงกว่าภาคอื่นๆ เพราะผู้กำกับปรับมาใช้ลายเส้นตัวละครให้คล้ายกับการ์ตูนยุคเก่าปี 1980 จึงได้อารมณ์ของอนิเมชั่นในอดีต

ขณะที่ดนตรีและเพลงประกอบก็ไพเราะ แน่นอนว่าคนดูกลุ่มผู้ใหญ่ที่เป็นแฟนคลับมังงะเรื่องนี้มาตั้งแต่ยุค 80-90 จะมีความรู้สึกเหมือนได้กลับมาเจอเพื่อนเก่า ได้คิดถึงความทรงจำในวัยเด็ก หลายซีนทำให้บางคนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ และบางซีนอาจทำให้หลายๆ คนนํ้าตาคลอ แอบกระซิบว่าภาคนี้มีเจ้า มินิโดรา ออกมาโลดแล่นด้วย

ด้านอรรถรสในการชม Doraemon The Movie 2018: Nobita’s Treasure Island มีเข้าฉายทั้งแบบ พากย์ญี่ปุ่นซับไทย และพากย์ไทย ซึ่งไฮไลต์ของฉบับเสียงภาษาไทย

นอกจากจะรวมตัวทีมพากย์โดราเอมอน ฉบับฉายทางทีวีในบ้านเรามาเกือบครบทีมแล้ว ความพิเศษคือยังได้ น้าต๋อย เซมเบ้ ที่หายป่วยกลับมาพากย์เสียงเป็น ไจแอนท์ อีกครั้ง ผู้ชมสามารถเลือกได้ตามความชอบส่วนตัวเลย โดราเอมอน เดอะ มูฟวี่ เกาะมหาสมบัติของโนบิตะ เข้าฉาย 18 ตุลาคม นี้ ในโรงภาพยนตร์

ไม่มีตัวละครอนิเมชั่นตัวอื่นใดที่สามารถอ้างได้ว่ามีคุณลักษณะหน้าจอขนาดใหญ่หนึ่งเรื่องในแต่ละปีในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา แต่นั่นเป็นข้อพิสูจน์ถึงความนิยมของแมวหุ่นยนต์สีน้ำเงินที่เดินทางข้ามเวลา (ไม่ใช่สุนัขแรคคูน โปรดจำไว้ว่า หนึ่งในมุขตลกในภาพยนตร์เรื่องนี้)

ภาคที่ 38 ของอนิเมะโดราเอมอนภาคที่ 38 นี้จะได้เห็นตัวละครในเรื่องและโนบิตะสหายของเขาออกเดินทางเพื่อสำรวจเกาะลึกลับที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นนอกชายฝั่งทางตอนใต้ของญี่ปุ่น แม้ว่าในที่สุดพวกเขาจะไปถึงมวลดินภูเขาไฟก็ตาม ค้นพบว่าเกาะนี้มีอะไรมากกว่าที่เห็น

ตามที่เขียนโดยนักเขียนนวนิยาย เก็นกิ คาวามูระ (ผู้สร้างแอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในความทรงจำล่าสุด เช่น ‘Your Name’, ‘Fireworks’ และ ‘The Boy and the Beast’) เรื่องราวนี้จงใจดึงมาจากบางเรื่องที่น่าจดจำมากขึ้น การอ้างอิงจากนวนิยายคลาสสิก ‘Treasure Island’ ของโรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน

 

 

ดังนั้นผู้ที่จำหนังสือเล่มนี้ได้จะจำโจรสลัดชื่อจอห์น ซิลเวอร์ นกแก้วพูดได้ของเขา และเด็กชายที่ซิลเวอร์ชื่นชอบอย่างแน่นอน ไม่ว่าในกรณีใด นาทีแรกของภาพยนตร์จะให้บทสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับข้อมูลอ้างอิงเหล่านี้ ก่อนที่โนบิตะจะตื่นจากฝันกลางวันและรำพึงถึงวิธีที่เขาต้องการไปผจญภัยกับโจรสลัดสมัยใหม่ในชีวิตจริง

ความปรารถนาของโนบิตะ และบางทีในระดับที่เท่าๆ กัน ความกังวลของเขา กลายเป็นคำสั่งของโดราเอมอน ผู้ดึงแผนที่เทรเชอร์ฮันเตอร์ที่มีมนต์ขลังออกมาเพื่อค้นหาเกาะขุมทรัพย์ที่ยังไม่ได้สำรวจ เช่นเดียวกับชุดอุปกรณ์ DIY เรือใบจิ๋วและแว่นขยายเพื่อสร้าง เรือสี่เหลี่ยมที่จะใช้ไปถึงเกาะ โนบิตะใช้ประตูทุกที่เพื่อถามเพื่อนสนิทของเขาและความรักที่ชิซูกะสนใจ

ขณะที่เกียนอันพาลอารมณ์รุนแรงและซูเนโอะเด็กรวยหน้าจิ้งจอกเชิญตัวเองไปตามทาง กลุ่มนี้ยังเข้าร่วมโดย Mini-Doras ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นคนมีไหวพริบเช่นเคยเมื่อคนอื่น ๆ เข้าสู่จุดที่แน่นหนา ดังนั้นหากคุณยังคงรักษาคะแนน โดราเอมอนน้องสาวของโดราเอมอนเท่านั้นที่จะนั่งงานนี้

สมมติว่าชิซูกะถูกลักพาตัวไปในระหว่างการเผชิญหน้าครั้งแรกกับฟลินท์และกลุ่มโจรสลัดของเขา โดยไม่ได้ให้อะไรมากเกินไป เนื่องด้วยความคล้ายคลึงอย่างน่าทึ่งที่เธอมีกับซาราห์ลูกสาวคนเล็กของฟลินท์ ในเวลาเดียวกัน โนบิตะจะรับฟล็อค ลูกชายคนโตของฟลินท์ ซึ่งเผยให้เห็นว่าเขาไม่เพียงแค่หนีจากพ่อของเขาเท่านั้น

แต่ยังบอกด้วยว่าฟลินท์มีแผนชั่วร้ายที่จะคุกคามชะตากรรมและอนาคตของดาวเคราะห์เอิร์ธ แน่นอนว่าไม่ใช่การดัดแปลงตามตัวอักษรของหนังสือแน่นอน แต่คุณจะประทับใจกับความอิสระในการสร้างสรรค์ที่ Kawamura และผู้กำกับ Kazauki Imai หยิบมาพร้อมกับแหล่งข้อมูล แม้กระทั่งเปลี่ยนนกแก้วของ Flint ให้กลายเป็นหุ่นยนต์พี่เลี้ยงชื่อ Quiz ที่ชอบทักทายใครๆ และทุกคน เขาพบกับปริศนา

ความรู้สึกหลังดู

อย่าพลาด นี่ไม่ใช่เพียงเวอร์ชันยาวของการ์ตูนเช้าวันเสาร์ที่คุณอาจคุ้นเคยกับตัวละครโดราเอมอนด้วย ค่อนข้าง หนังของ Imai เป็นการผจญภัยที่สนุกสนานเหมาะสำหรับทั้งครอบครัว (ยกเว้นแน่นอนว่าคุณจะต้องมีอายุมากพอที่จะอ่านคำบรรยายเพื่อทำความเข้าใจบทสนทนาได้) มีความมหัศจรรย์และตื่นเต้นแบบเด็กๆ อย่างแท้จริงในทุกย่างก้าว ต้องขอบคุณการวางแผนที่สร้างสรรค์ของคาวามูระ ได้ที่ เว็บดูอนิเมะ

 

 

และจินตนาการทางภาพที่สดใสของ Imai มีอารมณ์ขันและไหวพริบมากมาย โดยได้รับความอนุเคราะห์จากอุปกรณ์ไร้ขอบเขตของโดราเอมอนและปริศนาวาจาของ Quiz และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ตอนจบของเรื่องยังมีความเจ็บปวดอย่างน่าประหลาดใจ เนื่องจากแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวของซิลเวอร์เผยให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ความลุ่มหลงที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการสานต่อมรดกของภรรยาผู้ล่วงลับซึ่งเป็นที่รักของเขาให้สำเร็จ

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ ‘เกาะสมบัติของโนบิตะ’ ได้หายไปและกลายเป็นภาคที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์โดราเอมอน เนื่องจากที่นี่มีความบันเทิงมากมายสำหรับพวกเราที่เติบโตขึ้นมาและในหมู่พวกเราที่โตมากับเหล่าผู้น่ารัก หุ่นยนต์แมว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝ่ายหลังอาจพบข้อสรุปที่ไม่คาดคิดเช่นเดียวกับที่เราทำ และอันที่จริงก็เห็นใจที่ซิลเวอร์ต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อเห็นแก่ลูกๆ ของเขาและอนาคตของพวกเขาอย่างไร อย่างที่เราพูดไปในตอนเริ่มต้น ไม่มีแฟรนไชส์แอนิเมชั่นเรื่องใดที่อุดมสมบูรณ์หรือยืนยาว

และภาพยนตร์เรื่องล่าสุดนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมโดราเอมอนถึงเป็นที่รักและมีแนวโน้มว่าจะยังคงเป็นรุ่นต่อๆ ไป มีขุมทรัพย์อยู่ในเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลาอันน่าทึ่งของการค้นพบ มิตรภาพ และการปรองดองกัน ดังนั้นจงโอบรับความเป็นเด็กในตัวคุณและกระโดดออกผจญภัยไป! รีวิวหนังออนไลน์ 

 

 

“หนังดูง่าย สนุก ขายความสุข และอบอุ่น” ไม่ว่าจะกี่ปีๆ โดราเอมอนก็ยังเป็นหนังที่ดูง่าย เข้าถึงทุกคนได้แม้แต่เด็กๆ สำหรับ Doraemon The Movie ภาคนี้ถือว่าเดินเรื่องได้ดีกว่าหลายๆภาคที่เป็นลายเส้นสมัยใหม่ และเนื้อหาไม่ได้รีเมคจากภาคไหนๆเลย ดูมีความทันยุค ทันสมัย กับโลกปัจจุบันมากขึ้น แม้ว่าบางปมจะไม่ได้เล่าละเอียดมากก็ตาม

ของวิเศษในภาคนี้ หลายๆชิ้นเกริ่นถึงน้อยมาก ซึ่งสำหรับเรามันก็รวบรัดดีนะ และเอาเวลาไปเน้นที่ความสนุกสนานแทน คือ…บอกได้เลยว่ามันเป็นหนังที่ขายความสุข และอบอุ่นของตัวละครจริงๆ แม้หนังจะมีประเด็นที่ดูจริงจังในบางจุด แต่ก็ให้เวลากับฉากผ่อนคลายค่อนข้างเยอะมาก ถ้าใครอยากดูเพื่อคลายเครียด ภาคนี้ถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ

และที่ขาดไม่ได้คือ โดราเอมอนก็ยังเป็นหนังที่ให้ข้อคิดสอนใจ และมีฉากซึ้งๆเหมือนเช่นเคย ส่วนตัวแล้วบางพาร์ทเรามองว่าปูมาขาดไปนิดหน่อย ไม่งั้นจะซึ้งกินใจกว่านี้ แต่เชื่อว่าใครหลายคนก็อาจเสียน้ำตาให้กับบางประเด็นในหนังเรื่องนี้ได้เช่นกัน เพราะหนังชงมาเข้ม และวิธีการเล่าก็คิดมาอย่างดี

รวมๆแล้วก็ถือว่าเป็นเดอะมูฟวี่ภาคที่น่าสนใจสำหรับแฟนคลับโดราเอมอนครับ เพราะหนังทำได้ดีกว่าหลายๆภาคในช่วงก่อนหน้านี้นะ (ไม่นับภาคตะลุยขั้วโลก เพราะผมยังไม่ได้ดูนะครับ) หากชื่นชอบการรัวิวของเราก็สามารถติดตามการรีวิวของเราได้ที่ รีวิวการ์ตูน