รีวิว ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์

การ์ตูนเรื่องนี้ เป็นการ์ตูนที่ออกเเนวแฟนตาซี พ่อมดเเม่มด แล้วพระเอก นางเอกของเรื่องนี้ เข้ากันดีสุด ๆ Howl’s Moving Castle (2004) ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ การเดินทาง การเติบโตและความรักของพ่อมดหนุ่มเจ้าเสน่ห์ผู้อ่อนไหวกับหญิงสาวผู้ต้องคำสาปให้กลายเป็นหญิงชรา อนิเมะ

 

 

ในส่วนของเรื่แงย่อ สำหรับอนิเมะแนวแฟนตาซีเรื่อง Howl’s Moving Castle (2004) คงเป็นหนึ่งในอนิเมะเรื่องโปรดตราตรึงในใจผู้ชมไม่น้อย โดย Howl’s Moving Castle (2004) ได้ถูกดัดแปลงมาทำเป็นอนิเมะโดยสตูดิโอจิบลิ โดยมีต้นฉบับมาจากหนังสือนวนิยายของ ไดอาน่า วินน์ โจนส์ ( Diana Wynne Jones )

และตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1986  Howl’s Moving Castle (2004) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวเจ้าของร้านหมวกนามว่า “โซฟี” ที่ต้องคำสาปให้กลายเป็นหญิงชราโดยแม่มดแห่งทุ่งร้างซึ่งเป็นแม่มดที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่ากลัว เธอจึงต้องออกจากบ้านเพื่อหาที่อยู่ใหม่ที่ห่างไกลจากผู้คนที่รู้จักและได้เจอกับเจ้าหุ่นไล่กาหัวผักกาดที่นำทางเธอให้ไปเจอกับปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ผู้มีฉายาว่าเจ้าชู้ ไม่รักจริงและกินหัวใจของหญิงสาวเป็นอาหาร

ความรู้สึกแรกที่ได้รับหลังจากดู Howl’s Moving Castle (2004) คือความรู้สึกดี อบอุ่นภายในใจ และรู้สึกแฮปปี้กับความสัมพันธ์ของตัวละครหลัก แม้ว่าจะไม่ใช่อนิเมะที่เน้นเรื่องราวรักโรแมนติกเป็นหลัก สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ตัวละครแต่ละตัวมีความสับสนและกังวลในจิตใจและไม่สามารถละทิ้งมันไปได้

แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ก้าวข้ามความรู้สึกนี้และมีความสุขกับชีวิตในขณะนั้น สำหรับ Howl’s Moving Castle (2004) เป็นอนิเมะที่ดำเนินเรื่องราวไปเรื่อย ๆ ตามสไตล์ของสตูดิโอจิบลิ เราจึงจะได้ซึมซับบรรยากาศของความแฟนตาซีได้อย่างเต็มอิ่ม สิ่งหนึ่งที่ชอบในส่วนของโครงเรื่องคือคาแรคเตอร์ของคุณยายโซฟีเพราะถึงแม้เธอจะโดนสาปแต่เธอก็มีทัศนคติที่เป็นบวกมาก ๆ จนทำให้เธอกล้าที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่างและมีความมั่นใจในตัวเองขึ้นมา

 

รีวิว ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์

 

ในเรื่ององค์ประกอบของภาพก็ดีตามมาตรฐานของสตูโอ เพลงที่ใช้ประกอบก็ติดหูและน่าฟังจนสามารถทำให้ผู้ชมต้องกลับไปหาฟังเองหลังดูจบ เช่น เพลง Merry go round ที่เป็น Theme song ของ Howl’s Moving Castle (2004) โดย Merry go round เป็นเพลงที่มีเมโลดี้ที่ดูสดใส แต่แฝงไปด้วยประกายของความหม่นหมองในจิตใจ ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงนี้ก็รู้สึกว่าเพลงกำลังสื่อถึงเรื่องราวในชีวิตที่ทุกคนได้พบเจอมา บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ดี บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีปะปนกันไปเพราะชีวิตมีขึ้นมีลงตามจังหวะของมัน

สิ่งที่เราทำได้คือการปล่อยใจให้สบายและไหลไปตามท่วงทำนองของชีวิต แม้ว่าจะต้องประสบกับความทุกข์หรือสิ่งที่เป็นเคราะห์กรรมตามความเชื่อ แต่สุดท้ายแล้วหากเราเชื่อและมีความหวังว่าเราจะผ่านไปได้ ความหวังและความปรารถนาก็จะประสบผล ส่วนตัวคิดว่าเพลงนี้สื่อถึงการเติบโตในทุกช่วงอายุ

และการมีชีวิตอยู่ เหมือนกับม้าหมุน (Merry-go-round) ในสนามเด็กเล่นที่เด็ก ๆ ชอบและมีความสุขทุกครั้งที่ได้นั่ง เราก็แค่ต้องปล่อยให้มันเป็นไปและพยายามทำให้ตัวเองสนุกกับชีวิตบ้าง แม้ชีวิตในแต่ละวันจะย่ำแย่แค่ไหน แต่หากเรายังชีวิตอยู่ก็ต้องดิ้นรนและพยายามต่อไป สิ่งหนึ่งที่อาจทำให้ Theme song ของ Howl’s Moving Castle (2004) ให้ความรู้สึกเศร้าและหม่นหมองนิดหน่อยเพราะในเรื่องจะมีพื้นหลังเป็นการทำสงคราม

รีวิว ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์

สิ่งที่ประทับใจเเรก ๆ เลยหลังจากดู Howl’s Moving Castle (2004) คือคาแรคเตอร์ของโซฟี เพราะในตอนแรกโซฟีเป็นหญิงสาวที่ใช้ชีวิตแบบมีแบบแผนและดูเป็นผู้ใหญ่โดยเธอรับช่วงต่อร้านทำหมวกของพ่อเพราะเธอเป็นลูกคนโตและคิดว่าควรทำต่อเพราะพ่อของเธอรักมันมาก จนน้องสาวเธอก็บอกว่าให้ใช้ชีวิตของตัวเองบ้างนะ ทำเพื่อตัวเองบ้าง และในวันนั้นเองที่เธอกำลังเดินทางไปเยี่ยมน้องสาว เธอก็ได้พบกับฮาวล์พ่อมดหนุ่มที่เข้ามาช่วยเธอไม่ให้โดนทหารพูดจา แทะโลมเธอ ดูอนิเมะ

 

 

และในตอนนั้นเองโซฟีก็รู้สึกได้ว่าตนเองได้ตกหลุมรักพ่อมดฮาวล์เข้าแล้ว เธอพูดคุยเรื่องนี้กับน้องสาวเธอ เพราะน้องสาวเธอเป็นห่วงที่อยู่ดี ๆ โซฟีอยู่กับพ่อมด น้องสาวเธอบอกว่า “ถ้านั่นเป็นพ่อมดฮาวล์ เขาคงกินมันเลย” โซฟีตอบน้องสาวว่า “ไม่หรอก เขาชอบแต่คนสวย” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโซฟีไม่มีความมั่นใจในตนเอง คาแรคเตอร์ของโซฟีในช่วงเริ่มเรื่องนั้นจะเป็นหญิงสาวที่มีชีวิตประจำวันแบบเดิมซ้ำ ๆ เธอไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานอย่างวัยรุ่นคนอื่น ๆ และตัวเธอเองก็ไม่มีความมั่นใจในตัวเองด้วย

แต่น่าแปลกหลังจากที่เธอโดนสาปให้เป็นหญิงชรา แทนที่เธอจะเสียศูนย์และทำอะไรต่อไม่ได้แต่กลับกลายเป็นว่าเธอช่วยตัวเองด้วยการที่คิดบวกและคิดว่าเธอแก่ก็จริง แต่เธอยังมีแขนและสองขาที่แข็งแรงที่สามารถเดินได้ หลังจากนั้นเธอจึงออกจากบ้านแล้วเริ่มต้นเดินทางด้วยตนเอง ซึ่งถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธออาจไม่ทำแน่ ๆ เธอใช้ชีวิตผจญภัยในแบบไม่มีใครสามารถคาดคิดได้ จนบางครั้งก็ทำให้เราคิดว่าที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตโดยยึดหลักกับอะไรมากเกินไปหรือเปล่า

เราได้ชีวิตในแบบที่เราชอบแล้วหรือยัง เราควรกล้าที่จะเดินออกจากเซฟโซนของตนเองแล้วทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่ต้องการโดยพกความกล้าหาญและความมั่นใจไปด้วย แม้หนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่คาดคิด แค่นั่นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราได้เติบโตและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบโลกใบนี้ ในท้ายที่สุดโซฟีก็มีความมั่นใจ เธอทำในสิ่งที่ต้องการและรู้สึกและในที่สุดเธอก็หลุดพ้นจากคำสาป

 

 

อีกอย่างที่ประทับใจคือคาแรคเตอร์ของพ่อมดฮาวล์ เพราะมีเสน่ห์ อ่อนไหว ดูเจ้าชู้ ที่สำคัญเป็นคนไม่รักความสะอาด สังเกตได้จากปราสาทที่รกมาก ๆ พ่อมดฮาวล์เป็นพระเอกที่ไม่ได้มีนิสัยที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งส่วนใหญ่พระเอกในหนัง ซีรีย์ หรืออนิเมะ จะเข้มแข็งและพึ่งได้

แต่พ่อมดฮาวล์นั้นแตกต่างออกไป คาแรคเตอร์ของฮาวล์จะโชว์มุมที่อ่อนแอ สับสนในตนเองและเกรี้ยวกราด (นิดหน่อย) ซึ่งทำให้คาแรคเตอร์มีเสน่ห์และเข้าถึงง่าย ในส่วนตอนจบเป็นตอนจบที่แฮปปี้ ตัวละครทุกตัวได้ข้ามผ่านปัญหาและปมของตนเอง เรียนรู้ที่จะให้อภัยและรักตัวเองมากขึ้น

อย่างที่รู้ว่า Howl’s Moving Castle (2004) ดัดแปลงมาจากนิยาย ซึ่งในนิยายต้นฉบับจะมีภาคต่อของเรื่องนี้อยู่คือ Castle in the air ภาค 2 และ House of Many Ways ภาค 3 โดยภาคต่อทั้งสองเล่มจะเป็นหนังสือในชุดเดียวกันกับ Howl’s Moving Castle แต่จะมีเรื่องเป็นของตนเองและไม่ได้ต่อจาก Howl’s Moving Castle หากใครสนใจก็ลองไปหาซื้อกันได้

ความรู้สึกหลังดู

ฉันไปดูหนังเรื่องนี้กับอะนิเมะของฉันและลูกสาววัยรุ่นที่รัก Diana Wynne Jones และในขณะที่ฉันสนุกกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมากเนื่องจากมีแอนิเมชั่น เรื่องราว และความรู้สึกสนุกโดยรวมที่ยอดเยี่ยม ก็ยังน่าสนใจที่จะเห็นว่าลูกสาวของฉันเกลียดมันมากแค่ไหน! ราวกับว่าเราดูหนังสองเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำไม เธอเป็นแฟนตัวยงของ Diana Wynne Jones และได้อ่านและอ่านซ้ำทุกๆ เว็บดูอนิเมะ

 

 

อย่างที่เธอเคยเขียน และตามความเห็นของเธอ เรื่องราวนั้นแตกต่างและด้อยกว่าหนังสือมากจนเธอไม่ชอบหนังเรื่องนี้ และพูดสิ่งที่น่ารังเกียจบางอย่างเกี่ยวกับผู้กำกับมิยาซากิ อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของฉันคือ อย่าอ่านหนังสือและไปดูหนัง อ่านจบแล้วก็อ่านหนังสือได้ก็ต่อเมื่อคุณมั่นใจ 100% ว่าทำได้โดยไม่ตกใจเพราะมันต่างกันมาก!! ฉันไม่รู้ถึงความแตกต่างและรู้สึกสนุกที่ได้ดูหนังเรื่องนี้!

ฉันรักอะนิเมะ และเมื่อฉันสังเกตเห็นว่า Howl’s Moving Castle กำลังฉายอยู่ในปัจจุบัน ฉันรู้ว่าฉันต้องดูมัน และคุณรู้อะไรไหม ฉันไม่เคยผิดหวัง ฉันยอมรับว่าฉันไม่ได้อ่านหนังสือของไดอาน่า วินน์ โจนส์ แต่หนังเรื่องนี้มีจินตนาการและน่ายินดีมาก ฉันสงสัยว่าฉันจะสนใจว่ามันจะนอกใจหนังสือหรือไม่ แอนิเมชั่นที่นี่น่าทึ่งมาก พื้นหลังก็งดงามและสีสันสดใสมาก

นอกจากนี้ตัวปราสาทเองก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ได้เห็น สไตล์การมองเห็นที่นี่มีความสง่างามบางอย่างเกี่ยวกับมัน และบรรยากาศที่ภาพสร้างขึ้นนั้นค่อนข้างพิถีพิถัน ฉันต้องพูดถึงสกอร์ด้วย มันน่าทึ่งมาก ธีมที่สวยงาม มหัศจรรย์ และฉุนเฉียวที่สัมผัสหูของฉัน เหมือนกับโอเปร่าของโมสาร์ท ตัวละครมีส่วนร่วมและเปล่งออกมาอย่างสวยงามโดยนักพากย์เสียงที่ยอดเยี่ยม คริสเตียน เบล (ไม่ใช่คนแปลกหน้าในงานเสียง เขาให้เสียงโทมัสในโพคาฮอนทัสของดิสนีย์ด้วย) เสียงที่เย้ายวนและนุ่มนวลทำให้พ่อมดจอมไร้สาระ Howl มีชีวิตที่สดใส

 

รีวิว ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์

 

และโซฟีเป็นตัวละครที่น่ารักและสวยงามมาก ไม่ว่าเธอจะอยู่ในร่างที่อายุน้อยกว่าหรือในร่างที่แก่กว่าของเธอ . ร่างที่อายุน้อยกว่าของเธอถูกเปล่งออกมาอย่างละเอียดอ่อนโดย Emily Mortimer และตัวตนที่เก่ากว่าของเธอถูกเปล่งออกมาโดย Jean Simmons ผู้ล่วงลับไปแล้วด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง The Witch of the Waste เป็นตัวละครที่ถูกครอบงำด้วยความหึงหวง มากจนส่งผลให้โซฟีเปลี่ยนจากเด็กสาวอายุ 18 ปีไปเป็นผู้รับบำนาญ ตัวละครนี้เปล่งออกมาอย่างสมบูรณ์แบบโดยตำนานหน้าจอลอเรน บาคอล บิลลี่ คริสตัลคือความสุขที่ได้เห็นเป็นแคลซิเฟอร์ หนึ่งในตัวละครที่ฉันโปรดปรานในภาพยนตร์เรื่องนี้

และเทิร์นนิพเฮดก็น่าสนใจมากเช่นกัน เรื่องนี้เป็นแนวจินตนาการที่อ่อนหวานและไร้กาลเวลา ไม่ใช่แบบที่เขียนได้ดีที่สุดในทุกวิถีทาง แต่สัมผัสได้ใจฉันมาก ฉันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติหรือไม่? ใช่ แต่ข้อบกพร่องเหล่านี้เล็กน้อยเมื่อเทียบกับความงามโดยรวมของภาพยนตร์ ส่วนที่สามนั้นเร็วเกินไปเล็กน้อย และตอนจบก็เกินจริงไปเล็กน้อย แต่โดยรวม Howl’s Moving Castle เป็นงานที่มีเสน่ห์และน่ายินดีจากมิยาซากิ 9/10 เบธานี ค็อกซ์

สรุปว่า การ์ตูนเรื่องนี้ Howl’s Moving Castle (2004) เป็นอนิเมะที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและทำให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปกับการผจญภัยของตัวละคร เป็นอนิเมะที่ดูแล้วไม่เบื่อเลยตลอดสองชั่วโมง สามารถดูได้ใน Netflix และหากได้ดู Howl’s Moving Castle (2004) นอกจากจะตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวแฟนตาซีแล้ว อาจยังช่วยให้เราสามารถตกตะกอนอะไรดี ๆ ที่เราอาจคิดไม่ถึงหรือมองไม่เห็นมาก่อนก็ได้ค่ะดูการ์ตูน