รีวิว The Wind Rises

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวอนิเมชันสุดซึ้ง ผลงานชิ้นสุดท้ายของอาจารย์ฮายาโอะ มิยาซากิ ก่อนอำลาวงการอนิเมชัน ซึ่งพี่มุ่ยและพี่เต้ย พร้อมกับแม่ ไปดูในโรงที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ โดยเสียไป 630 บาท เป็นซาวด์แทร็คญี่ปุ่น ซัพไทยและอังกฤษค่ะ โดยไปดูวันแรกที่เปิดฉายให้คนทั่วไปดูเลยค่ะ ดูอนิเมะออนไลน์

 

 

ใครจะไปดูเรื่องนี้ มีฉายในโรงจำกัดค่ะ ก็คือแค่สกาลากับพารากอนซีเนเพล็กซ์เท่านั้น และฉายที่เชียงใหม่อีกไม่กี่โรง

สำหรับ entry นี้นั้นยาวเป็นมหากาพย์เลยค่ะ เนื่องจากเราได้เขียนเนื้อเรื่องทั้งหมด ให้กับคนที่ไม่อยากไปดูในโรง(ต้องมีบ้างแหละ) โดยเฉพาะตัวเราที่ปฏิเสธการดูหนังเศร้าๆ หรือแนวที่ต้องเสียน้ำตามาตลอด แต่เอาเป็นว่าก็ไปดูเรื่องนี้ค่ะ และประทับใจเลยอยากโน็ตไว้ยาวๆ

ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องคร่าวๆแบบไม่สปอยล์ก่อนนะคะ สำหรับเรื่อง Wind rises นี้ อย่างที่คนส่วนใหญ่ทราบกันดี ก็คือเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายอาจารย์ฮายาโอะ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอจิบลิค่ะ โดยเป็นหนังแนวดราม่าย้อนยุคเชิงประวัติศาสตร์ หนังอนิเมชันเรื่องนี้ฉายในปี 2013 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในชื่อ 風立ちぬ (Kaze Tachinu)หรือในชื่อไทยว่า “ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก” เนื้อหาจึงชัดเจนมากว่ามันต้องเกี่ยวกับ”ความฝัน” และ”ความรัก”แน่นอน

โดยที่อาจารย์ฮายาโอะได้ประกาศเกษียณในเดือนกันยายน ปี 2013 โดยหนังเรื่องนี้จะเป็นกึ่งอัตชีวประวัติของคุณจิโร โฮริโคชิ (1903–1982) ผู้ออกแบบเครื่องบิน Mitsubishi A5m ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ทางกองทัพเรือญี่ปุ่นตั้งชื่อว่า “Type 96 carrier-based fighter” (九六式艦上戦闘機) เป็นเครื่องบินต่อสู้ ที่ใช้กับเรือบรรทุกอากาศยาน และเป็นผู้ออกแบบเครื่องบินอีกรุ่นก็คือ Mitsubishi A6M Zero ซึ่งเป็นเครื่องบินต่อสู้ระยะไกล

ภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉายเป็นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนกรกฏาคม ปี 2013 โดยค่ายโทโฮ และฉายในสหรัฐอเมริกา โดย touchstone picture โดยจำกัดจำนวนที่นั่ง ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ปี 2014 และเปิดฉายในจำนวนโรงที่กว้างมากขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2014 ฉายในประเทศอังกฤษในวันที่ 9 พฤษภาคม ปี 2014 และในประเทศไทย วันที่ 3 กรกฎาคม 2014 ค่ะ

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวอนิเมชันสุดซึ้ง ผลงานชิ้นสุดท้ายของอาจารย์ฮายาโอะ มิยาซากิ ก่อนอำลาวงการอนิเมชัน ซึ่งพี่มุ่ยและพี่เต้ย พร้อมกับแม่ ไปดูในโรงที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ โดยเสียไป 630 บาท เป็นซาวด์แทร็คญี่ปุ่น ซัพไทยและอังกฤษค่ะ โดยไปดูวันแรกที่เปิดฉายให้คนทั่วไปดูเลยค่ะ

 

รีวิว The Wind Rises

 

ใครจะไปดูเรื่องนี้ มีฉายในโรงจำกัดค่ะ ก็คือแค่สกาลากับพารากอนซีเนเพล็กซ์เท่านั้น และฉายที่เชียงใหม่อีกไม่กี่โรง

The Wind Rises: ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก ตั้งชื่อไทยได้ดี และเพราะมาก เหมาะกับเรื่อง ผลงานเรื่องสุดท้ายของอาจารย์ ฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้ก่อตั้ง Studio Ghibli ที่หยิบเอานิยายชื่อดังของ ทัตสึโอะ โฮริ ที่ดัดแปลงจากชีวประวัติของ จิโร โฮริโกชิ ผู้สร้างเครื่องบินรบ Mitsubishi A6M Zero สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

เรื่องราวของ จิโร ชายหนุ่มที่ฝันอยากเป็นนักบิน แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเขาสายตาสั้นมาก แต่ความฝันของเขาก็ไม่ได้จบลง เขาจึงพยายามเป็นวิศวกรออกแบบเครื่องบินแทน เรื่องราวความฝันและความรัก ที่หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ได้พบเจอ ทั้งความสมหวังและผิดหวังต่างๆนาๆ ถูกเล่าด้วยลายเส้นสไตล์จิบลิ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

หนังเรื่องนี้สมกับที่เป็นอนิเมะเรื่องสุดท้ายของอ.มิยาซากิ เพราะอาจารย์ใส่ความเป็นตัวเองลงไปในหนังเยอะมาก นั่นคือ อาจารย์เป็นคนนึงที่รักและหลงไหลในเครื่องบินมาก จนเป็นที่มาของ Ghibli หรืออ่านออกเสียงว่า Ji-Bu-Ri-(จิ-บุ-ริ) ในภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า “ลมร้อนที่พัดผ่านทะเลทรายซาฮาร่า”

ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่นักบินอิตาเลี่ยน เอาไว้ใช้เรียกเครื่องบินสอดแนมของตัวเองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเอาชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อของสตูดิโอด้วยเหตุผลสำคัญ 2 ประการ คือ ประการแรกเพราะชื่นชอบและหลงรักในเครื่องบินมาก และประการที่สองสตูดิโอแห่งนี้จะเป็นเหมือนลมพัดกระหน่ำวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นให้ต้องสั่นสะเทือน

รีวิว The Wind Rises

เมื่อเป็นผลงานของอ.มิยาซากิ แน่นอนว่า ต้องใส่ความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมลงไป ทั้งนิสัยและวิถีชีวิตที่ทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศของญี่ปุ่นยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ แบบไม่มีจุดพีคอะไรมาก ค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศ จนเผลอซึมลึกไปกับตัวละครและซาบซึ้งไปกับเหตุการณ์ต่างๆ จนเรียกได้ว่าเป็นหนังที่งดงาม หมดจดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ลายเส้นที่คงเอกลักษณ์ รีวิวการ์ตูนออนไลน์

 

 

แต่สวยงามและได้บรรยากาศของญี่ปุ่นแท้ๆ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เก็บได้ดีมาก ทั้งฉากแผ่นดินไหว ฉากที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ทำให้เราหลงเข้าไปในฝันของชายหนุ่ม Japanese Boy ได้อย่างเต็มเปี่ยม และอินไปกับเรื่องราวความรักและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ

จนเรียกได้ว่าดูจบแล้วก็ยังไม่อยากจะลุกไปไหน ต้องนั่งฟังเพลงจนจอดับกันเลยทีเดียว แล้วน้ำตาก็ค่อยๆ เอ่อล้นออกมา ทั้งซาบซึ้ง เศร้า เหงา และจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก เรียกได้ว่าสมแล้วที่อ.มิยาซากิหยิบเรื่องนี้มาเล่า

เหมือนได้ทำฝันสุดท้ายบนเส้นทางของผู้สร้างอนิเมะให้ทุกลายเส้นสร้างความฝันของตัวเองให้เป็นจริง และโลดแล่นสู่สายตาชาวโลก ต่อไปนี้ขอสปอยความรู้สึก และเจาะลึกแต่ละฉากที่ชอบนะคะ

 

รีวิว The Wind Rises

 

แฟนอนิเมะค่าย สตูดิโอ จิบลิ ไม่ควรพลาด เป็นหนังส่งท้ายผลงานของอ.มิยาซากิที่เยี่ยมยอด ละเมียดละมุนละไม ที่ต้องดูจนจบ End credit เลยทีเดียว เพราะไม่อยากลุกออกจาก ด้วยความที่ยังอินกับเรื่องราวอยู่ และเพลงที่ความหมายดีเหมาะกับเนื้อเรื่อง ที่พอเพลงขึ้น(พร้อมคำแปล) น้ำตาก็ค่อยๆเอ่อออกมา

ไม่ใช่อนิเมะที่เหมาะกับคนทั่วไปหรือเด็กเท่าไหร่นัก แต่เหมาะกับคนที่อยากเสพงานศิลปะ ที่แฝงไปด้วยปรัชญาชีวิตมากกว่า เพราะด้วยการเล่าเรื่องแบบเรียบง่าย เล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ ค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศ ไม่มีจุดพีค ไม่ตื่นเต้นเร้าใจ จึงอาจจะไม่ถูกคอถูกใจคนทั่วไปเท่าไหร่นัก แต่เป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่งดงาม และกลั่นมาจากใจผู้สร้างจริงๆ

เป็นผลงานที่อาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่เคยมีฝัน ถึงจะไม่ประสบความสำเร็จตามที่หวัง แต่อย่างน้อยก็ได้ลงมือทำ ได้เรียนรู้ ได้ค้นหาตัวตน ได้ลองสิ่งใหม่ๆ เรื่องนี้เป็นแรงผลักดันได้ดีทีเดียว

เรื่องราวความรักของหนุ่งสาวสมัยก่อน ที่เรียบง่ายไม่หวือหวา แต่บ่งบอกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่พร้อมจะเสียสละ คอยเคียงข้างให้กำลังใจ เป็นแรงผลักดันให้คนรักได้ทำหน้าที่ของตนได้สำเร็จ อาจไม่ลงลึกถึงรายละเอียด แต่ก็ทำให้ซาบซึ้งในความของรักของทั้งคู่อยู่ไม่น้อย

เรื่องนี้ได้กลิ่นอายและเสน่ห์ของจิบลิแบบดั้งเดิมมาเต็มๆ ทั้งลายเส้น และบุคลิกของตัวละครจากเรื่องอื่นๆ เอามาใส่ในตัวละครในเรื่องนี้บางตัว ทำให้คิดถึงอนิเมะเรื่องเก่าๆของจิบลิทั้งเรื่อง Spirited Away, Totoro และอื่นๆ จนอยากย้อนกลับไปดูผลงานเก่าๆอีกครั้ง

“เพราะมีสายลม เราจึงต้องอยู่ต้านลม” ชอบเรื่องนี้มากๆ ตอนดูจบแรกๆ มันรู้สึกจุกๆ ทั้งตื้นตัน ทั้งเศร้า ซึ้ง อย่างบอกไม่ถูก ยิ่งมาดูบางฉากวนซ้ำๆ พร้อมกับฟังเพลงยิ่งอินมากๆ

ความรู้สึกหลังดู

“The Wind Rises” เป็นเวอร์ชันที่สมมติขึ้นอย่างมากในช่วงปีแรกๆ ของวิศวกรการบิน จิโร ฮิโรโคชิ และทัตสึโอะ โฮริ…โดยเน้นที่จิโรอย่างมาก ความจริงที่ว่าฮิยาโอะ มิยาซากิจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจนัก เนื่องจากดูเหมือนว่าเขามีทัศนคติที่ซาบซึ้งต่อเครื่องบินในยุคแรกๆ ในภาพยนตร์หลายเรื่องของเขา (เช่น “Porco Rosso”) รีวิวอนิเมะ

 

 

อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื่องจากเครื่องบินที่ชายสองคนนี้สร้างขึ้นสำหรับ Mitsubishi เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกองทัพญี่ปุ่นที่มีความเป็นชาตินิยมอย่างยิ่งในช่วงทศวรรษที่ 1930 และ 40… ยุคที่หลายคนอาจเลือกที่จะลืมไป

ไม่น่าแปลกใจเลยที่นี่คือภาพยนตร์ของมิยาซากิที่ไม่ได้มีไว้สำหรับเด็กเลย อันที่จริง ฉันจะไม่รบกวนให้ผู้ชมที่อายุน้อยกว่าของคุณดู…พวกเขาจะเบื่อ นอกจากนี้ ผู้ปกครองบางคนยังคัดค้านการสูบบุหรี่และการสาปแช่งทั้งหมด…และไม่มีใครเห็น Totoro หรือแม่มดบินได้! สำหรับฉัน ฉันเข้าใจดีว่าภาพยนตร์แอนิเมชั่นญี่ปุ่นหลายเรื่องไม่ได้สร้างมาเพื่อเด็ก

และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายแต่อย่างใด ในกรณีนี้ Studio Ghibli ได้สร้างภาพยนตร์ที่น่ารักที่สุดเรื่องหนึ่งใน “The Wind Rises” มันน่าประทับใจในบางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องรับมือกับความโรแมนติกของจิโระ อันที่จริง ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงคุณภาพได้อย่างแท้จริง และไม่น่าแปลกใจเลยที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม คุ้มค่าแก่การดู

เครื่องบินญี่ปุ่น Zero ที่มีชื่อเสียงของ Jiro นั้นน่าสนใจเพราะเมื่อสิ้นสุดสงคราม เครื่องบินเหล่านี้แทบทุกลำถูกทำลาย…และฉันสงสัยว่าเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ น่าแปลกที่หนึ่งในซีโร่ไม่กี่ตัวที่รอดชีวิตได้ทำเช่นนั้น เพราะมันถูกจับและนำตัวไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อทำการทดสอบและประเมินผล รีวิวหนังการ์ตูน