รีวิว Kung Fu Panda
ใครหลายคนที่ชอบหนังแนวกังฟู จะต้องรู้จักเรื่องนี้ เพราะถือเป็นหนังขวัญใจของใครหลายๆคนที่ชอบความสนุก มัน ฮาและแฝงไปด้วยแง่คิดที่ทำให้เราคาดไม่ถึง วันนี้เราจึงขอมารีวิวหนังเก่าสุดปังที่ทำให้พวกคุณดูไปอมยิ้มไป รีวิว Kung Fu Pandaดูอนิเมะออนไลน์
แพนด้า ตัวใหญ่ มีดีแต่เรื่องกินจุ อยากเป็นยอดนักกังฟู แต่ฝึกเท่าไรก็พังไม่เป็นท่า วันดีคืนดี เขากลับได้รับเลือก เป็นผู้กอบกู้ชาวยุทธที่ฟ้าประทานตามคำทำนายโบราณนานมา
หนังที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างมาจากภาพยนตร์เรื่อง Kung Fu Hustle (2004) ของ โจวซิงฉือ ซึ่งทีมงานอยากให้หนังมีความเป็นกังฟูและ ถ่ายทอดวัฒนธรรมจีนออกมาได้อย่างถูกต้อง
แพนด้าตัวเอกของเรื่องคือ อาโป แพนด้าหนุ่มลูกชายคนเดียวของเตี่ยร้านขายก๋วยเตี๋ยว อาโปเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเหล่ากังฟูไฟเตอร์ โดยเฉพาะ 5 นักสู้ ซึ่งประกอบไปด้วย ห้าผู้พิทักษ์ – นางพยัคฆ์ (Tigress), วาus (Monkey), กระเรียน (Core) , อสรพิษ (Viper) และ ตั๊กแตน (Mantis) พากย์เสียงโดย แองเจลินา โรตี เฉินหลง, เดวิด ครอสส์, ดูซี ลิว, และ เซธ โรเกน นักสู้เหล่านี้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ชิฟูผู้เก่งกาจ นอกจากนั้น ชิฟูยังเป็นผู้เก็บรักษา “คัมภีร์มังกร”
ซึ่งกล่าวว่าหากใครได้ครอบครองก็จะกลายเป็นเจ้ายุทธจักร เรียกว่าทางโปรดักชั่นทำการบ้านหนังจีนมาเต็มที่ นำเสนอให้คนชอบดูหนังจีนไม่ขัดเขินเลยล่ะ แต่แล้ววันหนึ่งในงานเลือกนักสู้มังกรผู้จะได้รับสืบทอดคัมภีร์ ความบ้าดาราและวงการกังฟูของอาโปทำให้เขาพยายามเข้าไปชมการประลองแต่ก็ไม่ทัน
อาโปตัดสินใจเอาดอกไม้ไฟผูกติดตัวเองและบินข้ามกำแพงเข้าไปดู แต่ไม่ทราบโชคดีหรือโชคร้าย เขาตกลงกลางวงขณะอาจารย์เต่ากำลังชี้นิ้วเลือกผู้สืบทอด และบังเอิญอาโปตกลงตรงปลายนิ้วเสียด้วย! ผลคืออาโปต้องฝึกวิทยายุทธ์เพื่อให้เหมาะสมกับการรับคัมภีร์โดยที่มีอาจารย์ชิฟูกับศิษย์ทั้ง 5 ของเขาแอบดูอย่างไม่พอใจอยู่เงียบๆ
สาเหตุที่ไม่พอใจคืออาโปเป็นแพนด้าตุ้ยนุ้ยที่ไม่มีวิทยายุทธ์เลย เขาคือ โอตาคุ (เป็นศัพท์แสลงหมายถึงคนที่บ้าคลั่งในบางสิ่งมากๆ (มักเป็นการ์ตูน) จนถึงขนาดศึกษาประวัติศาสตร์ เก็บของสะสม และพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม) ที่ชอบวงการกังฟูมาก รู้ทุกเรื่องและเป็นแฟนเหนียวแน่นของนักสู้ทั้ง 5 เช่นกัน
แต่ความรู้ของอาโปไม่ทำให้เขาเก่งกังฟูได้ เหมือนเด็กอ่านหนังสือเรื่องชกมวยโดยไม่เคยฝึกซ้อมก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นนักมวย ผลคือเขาถูกคนส่วนใหญ่ดูถูกว่าไม่คู่ควรกับคัมภีร์
แม้จะโดนคนอื่นไม่ชอบขี้หน้า แต่อาโปก็มองโลกในแง่ดีว่าทุกคนเข้มงวดกับเขาเพราะอยากให้เขาเก่งขึ้น ไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้ง ( มองโลกเชิงบวกได้น่ารักมาก ) นอกจากนั้น เขายังทำสิ่งที่ถนัดให้กับเหล่านักสู้ทั้ง 5 ด้วย นั่นคือก๋วยเตี๋ยวที่ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ชอบใจจุดนี้ของหนังมาก
พวกเขาจึงศึกษาเรื่องภาพวาด ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมของจีนอยู่นานนับปี ส่วนเรื่องศิลปะการต่อสู้ นั้น ทีมงานได้อิทธิพลมาจากหนังจีนอย่าง Hero, HonM) 18 Flying Daggers uas Crouching Tiger, Hidden Dragon อีกด้วย
เขาจึงได้รับเข้าสำนักฝึกกังฟู ร่วมฝึกกับ เจ้าตำนานผู้พิชิตทั้ง 5 ได้แก่ พยัคฆ์เสือ กระเรียนทอง ตั๊กแตนจอมต่อย อสรพิษไฟ และเจ้าวานร เพื่อปกป้องสำนักจาก เสือดาวหิมะตัวร้าย ไต้หลุง ที่ตามมาล้างแค้น
บางครั้ง การไม่คาดหวัง ก็มักจะนำมาซึ่งความไม่ผิดหวัง การทำแบบนี้ใช้ได้ผลดีกับแอนิเมชั่นจากฝั่งฮอลลีหวูด (ผมใช้ “ฮอลลีหวูด” เพราะติดมาจากคอลัมน์หนึ่งในไทยรัฐเมื่อนานมาแล้ว) ที่ผมพูด (เขียน) แบบนี้ก็เพราะความไม่ถูกใจของแอนิเมชันหลายๆ เรื่องที่ผ่านๆ มา ส่วนหนึ่ง ผมคิดว่า มันน่าจะเกิดจากความคาดหวังของผมเอง
หลายๆ เรื่อง อาจจะโดนผมสับจนเกือบเละไปบ้าง (เคยเหรอ) แต่หนังจากบางค่าย โดยเฉพาะ Pixar กลับไม่ค่อยโดน คงต้องบอกว่า การที่ชอบดู ดูมาหลายๆ เรื่อง ความคาดหวังมันเลยต้องเกิดขึ้นตามไปด้วย มาวันนี้
รีวิว Kung Fu Panda
วันที่ผมเริ่มไม่ค่อยอยากดู แต่มีโอกาสได้ไปดูแบบฟรีๆ มันก็เลยทำให้ผมไม่คาดหวังใดๆ กับแอนิเมชันเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย “Kung Fu Panda” คือแอนิเมชันเรื่องนั้น รีวิวการ์ตูนออนไลน์
เจ้าของค่าย เป็น DreamWorks Animation คราวนี้หยิบความเป็นเอเชียใส่เข้าไปอย่างเต็มที่ ด้วยเนื้อหาที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินจีน และศิลปะป้องกันตัวที่ใครๆ ก็รู้ว่ามันจากประเทศนี้ แต่แทนที่ตัวละครจะเป็นมนุษย์ มันกลับไม่มีเลย ทุกตัวเป็นสัตว์ทั้งหมด แหงล่ะ ทำให้เด็กดูนี่นา
5 ยอดกังฟูเจ้าตำนานผู้พิชิต ทั้ง เสือโคร่ง กะเรียน ลิง งู และ… ตั๊กแตน ต่างเป็นดังฮีโร่ในใจของ “โป” หมีแพนดาตัวอ้วนผู้คลั่งไคล้ในกังฟู ทั้งๆ ที่บ้านขายก๊วยเตี๋ยว แพนดาอะไรมีพ่อเป็นสัตว์ปีก …. โอเค น่าจะถูกเก็บมาเลี้ยง เหอๆ
โป (หรือที่หลายๆ เว็บแปลกันว่า โพ นั่นแหละ) บากบั่นขึ้นไปถึงสำนักฝึกกังฟูได้ และจับพลัดจับผลู กลายเป็น The One ยอดกังฟูแห่งตำนานโดยไม่ตั้งตัว จากการเลือกของปรมาจารย์…. อา ชื่อไรหว่า นึกไม่ออก
แล้วเมื่อถึงวันที่หายนะกำลังมาถึง เมื่อแว่วว่า “ไถ่หลุง” เสือดาวศิษย์ตัวแรกของอาจารย์ชิฟู ตัวร้ายที่รู้ข่าว The One ตัวใหม่ (ที่ไม่ใช่ตน) แหกคุกออกมาแล้ว จุดมุ่งหมายคือสำนักฝึกกังฟู The One อ้วนๆ กินเก่ง และขี้เกียจตัวนี้ จะช่วยโลกไว้ได้หรือไม่…
รอบฟรีที่ผมได้ดูนั้น จัดขึ้นที่ SF World Cinema โรง 15 เป็นรอบพากย์ไทยเสียด้วย นานๆ จะได้ดูแบบพากย์ไทยเสียที ก็แปลกดีเหมือนกันแฮะ มีเด็กๆ เข้าไปดูเยอะเหมือนกัน ระหว่างดูก็จะได้ยินเสียงหัวเราะร่วนๆ จากเด็กๆ แสดงว่า ตัวหนังเข้าถึงเด็กๆ ได้ดีทีเดียว ขณะเดียวกัน ผมว่า เนื้อเรื่องก็ค่อนข้างเข้าถึงผู้ใหญ่อยู่บ้างเหมือนกัน จึงเหมาะเป็นหนังครอบครัวได้อย่างดีทีเดียว
แพนดาโป มีแคแรคเตอร์ขำๆ ฮาๆ ให้เราได้ขำกันตลอดเรื่อง ขนาดอาจารย์ชิฟูก็ยังมีเลย กลายเป็นหนังน่ารักๆ ที่แม้รู้แล้วว่าจะจบยังไง ก็ยังสนุก เนื้อหาไม่ลึกอะไรมาก แต่ดูสนุก มีฉากต่อสู้ที่ได้ลุ้นยังกับดูหนังแอ็คชั่น มีฉากเศร้าๆ แทรกมาบ้างพอดึงอารมณ์ให้ยืดให้หดได้บ้าง ก่อนจะกลับมาขำๆ ต่ออย่างเคย
ความรู้สึกหลังดู
ฉันโชคดีที่ได้เห็นภาพยนตร์เรื่องนี้ในวันเดียวกับที่ได้เห็นภาพยนตร์ Dreamworks อีกเรื่องในโรงภาพยนตร์ — MONSTERS VS มนุษย์ต่างดาว จากประสบการณ์นี้ ฉันคิดว่าฉันสนุกกับ KUNG FU PANDA มากขึ้น รีวิวอนิเมะ
เพราะเมื่อเปรียบเทียบแล้วมันเป็นภาพยนตร์ที่ดีกว่ามาก อันที่จริง แม้ว่าคนออสการ์จะไม่เห็นด้วยอย่างสุดซึ้ง แต่ฉันก็ยังสนุกกับมันมากกว่า WALL-E ผู้ชนะรางวัลออสการ์เมื่อปีที่แล้ว นั่นเป็นเพราะในขณะที่ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ
เหล่านี้ดูดีเป็นพิเศษ แต่ KUNG FU PANDA ก็ดูดีเหมือนกัน แต่ให้ความบันเทิงและความสนุกสนานที่มากกว่า แน่นอนว่ามันไม่ลึกเท่า WALL-E แต่ก็สนุกและไม่ได้พยายามทำเป็นหนังข้อความ และมอนสเตอร์ VS. มนุษย์ต่างดาวมีความคิดที่ดี แต่เสียงหัวเราะค่อนข้างเบาบาง
โดยรวมแล้ว ฉันสนุกกับ Kung Fu Panda แต่ฉันไม่ได้พูดถึงสิ่งที่ดีที่สุดของ Dreamworks นอกเหนือจาก Po และ Shifu (และอาจเป็นวายร้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งให้เสียงโดย Ian McShane อย่างยอดเยี่ยม) ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังขาดการพัฒนาตัวละคร ในขณะที่เรื่องราวในขณะที่สร้างมาอย่างดี ต้นฉบับและสดใหม่ มีส่วนที่สามารถคาดเดาได้ และข้อความก็ค่อนข้างคุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงเรื่องภาพ ไม่มีอะไรผิดพลาด ภาพยนตร์ทั้งเรื่องที่มีสีและพื้นหลังที่งดงามก็ดูยอดเยี่ยม คะแนนก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน และฉันเห็นได้ว่ามีการดูแลที่จะทำให้เสียงเหมือนจริง สคริปต์มีไหวพริบ ตลก
และฉลาด จังหวะที่สดใสและร่าเริง และการแสดงด้วยเสียงก็แข็งแกร่งทั่วทั้งกระดาน ดัสติน ฮอฟฟ์มันน์ได้รับการคัดเลือกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะที่แจ็ค แบล็คทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการเปล่งเสียงหนึ่งในตัวละครที่เป็นที่ชื่นชอบมากกว่าของเขา สรุปว่าหนังสนุกดีแต่ไม่ได้ว้าวจนหมดใจ 7/10 เบธานี ค็อกซ์
โดยพื้นฐานแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแพนด้าน้อยที่เรียนรู้ว่าเขามีหัวใจและทักษะมากมายอยู่ภายใน หรือพูดอีกอย่างก็คือ มันเหมือนกับ THE KARATE KID มาก แต่มันก็มีศิลปะที่น่ารักที่ฉันชื่นชมด้วย—ทิวทัศน์และสไตล์ดูเป็นจีนมาก (แม้ว่านักพากย์หลายคนจะไม่ใช่คนเอเชียก็ตาม)
ฉันสามารถพูดได้มากกว่านี้อีกมาก แต่ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งปีหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวและมีบทวิจารณ์เป็นพันล้านรายการแล้ว พูดได้คำเดียวว่าแปลกใจที่ฉันชอบหนังเรื่องนี้มาก มันทำให้ฉันยิ้มและสนุกตั้งแต่ต้นจนจบรีวิวหนังการ์ตูน