รีวิว Finding Nemo

แอดมินเคยสนุกกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ที่สร้างมา ตั้งแต่ภาพยนตร์ของ Pixar เช่น “Toy Story” และ “The Incredibles” ไปจนถึงภาพยนตร์ของ DreamWorks เช่น “Shrek” แต่ “Finding Nemo” ดูอนิเมะออนไลน์

 

 

เมื่อนีโมถูกนักประดาน้ำจับตัวไป กลายเป็นปลาตู้อยู่ในร้านหมอฟันแห่งหนึ่ง จึงเป็นหน้าที่ของมาร์ลิน ผู้เป็นพ่อ และ ดอรี่ ปลาความจำสั้น ออกเดินทางครั้งยิ่งใหญ่เพื่อพานีโมกลับบ้านให้จงได้ หนังแสดงการผจญภัยใต้ท้องทะเลของมาร์ลินกับดอรี่ ที่ต้องเจออุปสรรคต่างๆ เช่น ฉลาม แมงกระพรุ่น และการได้เพื่อนใหม่ๆ ช่วยเหลือทำให้ทัศนคติของมาร์ลินเปลี่ยนไป ขณะเดียวกัน นีโมกับเพื่อนในตู้ปลาก็พยายามหนีจากตู้ปลาออกมาเช่นกัน

ยังคงเป็นเกมที่ไม่มีใครเทียบได้ ไม่ใช่เพราะความตลกขบขันหรือความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งทั้งสองเรื่องเท่าเทียมกันในภาพยนตร์ “Toy Story” และใน “Monsters Inc.” แต่เนื่องจากเป็นมากกว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งจริงๆ ฟีเจอร์คอมพิวเตอร์แอนิเมชั่นก่อนหน้านี้ ได้พลิกโฉมประเภทของภาพยนตร์แอนิเมชั่นสำหรับเด็ก

ความตลกในแอนิเมชั่นแบบดั้งเดิมมักมีพื้นฐานมาจากการพูดเกินจริงและการพูดเกินจริง ใน “Finding Nemo” มีอารมณ์ขันบ้างเป็นครั้งคราว เหมือนกับตอนที่ฝูงนกนางนวลชนกันในเรือ และเราเห็นจะงอยปากของพวกมันขันที่อีกด้านหนึ่งของใบเรือ แต่ลำดับดังกล่าวเรียกร้องความสนใจว่าโดยทั่วไปแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างจากแบบแผนการ์ตูนเก่าเพียงใด

หนังแห่งค่าย Pixar แน่นอนว่า ดูสนุก ดูได้ทั้งครอบครัว บทดี และที่สำคัญภาพสวยตระการตา โดยพาผู้ชมตื่นตาไปกับโลกใต้ท้องทะเล หนังแสดงให้เห็นถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูกและการปรับทัศนคติยอมรับซึ่งกันและกัน สิ่งหนึ่งที่หนังสะท้อนสังคม คือ การ ‘จับปลาทะเล’ มาเลี้ยงก็เหมือนเป็นการพรากครอบครัวเขานั่นเอง

 

รีวิว Finding Nemo

 

แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ลงทุนโลกแห่งสัตว์ที่มีความรู้สึกด้วยพื้นผิวทางวิทยาศาสตร์ที่น่าแปลกใจ สัตว์ทั้งหมดมีพื้นฐานมาจากสายพันธุ์จริง ตู้ปลาถูกสร้างขึ้นจากอุปกรณ์จริง มาร์ลิน (อัลเบิร์ต บรูกส์) เดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังออสเตรเลียที่ซึ่งแม้แต่สัตว์ก็พูดด้วยสำเนียงออสเตรเลียได้เป็นอย่างดี

ในฉากที่ฉันมั่นใจว่าแกรี่ ลาร์สันจาก “Far Side” มีชื่อเสียงโด่งดัง นกกระทุงพูดคุยกับกลุ่มปลาเกี่ยวกับรายละเอียดอันซับซ้อนของทันตกรรม ความจริงที่ว่าสัตว์พูดและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าราวกับว่ามันเป็นลักษณะธรรมชาติของโลก ความสมจริงนั้นน่าทึ่งมากจนในตอนท้ายของหนัง คุณเกือบจะเชื่อว่าเป็นไปได้ที่ปลาจะวางแผนหลบหนีจากตู้ปลา

เทคนิคงานภาพที่ชาญฉลาดแต่ยังคงให้ความบันเทิง อารมณ์ขันส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากการล้อเลียนพฤติกรรมมนุษย์: ฉลามที่สำนึกผิดเริ่มต้นชมรมที่เป็นเหมือนพวกติดสุรา โรงเลี้ยงปลาทำตัวเหมือนดีเจที่น่ารังเกียจในขณะที่สร้างตัวเองให้เป็นรูปแบบที่งดงาม

และเด็กหญิงอายุสี่ขวบทำตัวเหมือนเด็กส่วนใหญ่ อายุที่หลงลืมและทำลายล้าง วิธีที่มาร์ลินหาทางไปหาลูกชายของเขาช่างสร้างสรรค์มากจนเราสามารถให้อภัยภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับจำนวนเรื่องบังเอิญที่เกี่ยวข้อง

เรื่องราวนี้ใช้สูตรพื้นฐานเดียวกันกับที่ใช้ใน “Toy Story” โดยที่ตัวละครสองตัว ตัวหนึ่งตัวแน่นและตัวอื่นที่ไม่มีความรู้ ถูกรวมเข้าด้วยกันขณะที่พวกเขาถูกบังคับให้เดินทางผ่านโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้มากกว่า มนุษย์ตระหนัก

Finding Dory ทิ้งห่างจาก Finding Nemo อนิเมชั่นรางวัลออสการ์ซึ่งเป็นภาคต้นนานกว่า13ปี อย่างไม่คาดคิดจู่ๆ พิคซาร์ ก็กลับมาปัดฝุ่นหนังปลาน้อยแสนน่ารักให้กลับมาโลดแล่นบนหน้าจออีกครั้ง โดยรอบนี้ผู้กำกับคนเดิมคือ แอนดรูว์ สแตนตัน รับหน้าที่เขียนบทด้วย และมี แอนกัส แม็คเลน คนรุ่นใหม่มาเป็นผู้ช่วยกำกับ

หนังเล่าเรื่องราว 1 ปีหลังจาก Finding Nemo ที่ มาร์ลีน กับ ดอรี่ ออกไปผจญภัยตามหาและช่วยพา นีโม่ กลับมาอยู่ในท้องทะเลได้สำเร็จ จู่ๆ ดอรี่ ปลาบลูแทงค์(หรือปลาขี้ตังเบ็ดฟ้า)ที่ป่วยเป็นโรคความจำสั้น จำได้ว่าเธอมีครอบครัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งปริศนาเรื่องนี้ค่อยๆผุดพรายขึ้นมาในความทรงจำ ดอรี่ ทีละนิด

รีวิว Finding Nemo

เอเลน ดีเจเนอเรส พิธีกรสาวมากฝีมือ กลับมาพากย์เสียง ดอรี่ อีกรอบ ซึ่งก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน ส่วนตัวชอบเสียงและบุคลิกของ ดอรี่ ตอนเด็กมากกว่า ตาโตน่ารักไม่แพ้ นีโม่เลย ด้าน อัลเบิร์ต บรู้ค เจ้าของเสียงเดิมกลับมาให้เสียง มาร์ลิน เหมือนเดิม แต่ลูกชายในหนังของเขาเปลี่ยนคนพากย์เป็น เฮย์เดน โรแลนซ์ แทน อเล็กซานเดอร์ กูลด์ แน่นอนว่าภาคนี้ตัวละครสองพ่อลูกปลาการ์ตูนมีบทบาทน้อยลง กระนั้นก็ยังมีความสำคัญอยู่ กดไปดูรีวิวการ์ตูนออนไลน์

 

Finding Dory โดดเด่นด้วยงานภาพสวยงาม พล็อตโดยรวมอาจะไม่หนีไปจาก Finding Nemo เท่าไหร่ แต่เนื้อหาแฝงที่น่าสนใจคือการถ่ายทอดแง่มุมการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ที่มีปัญหาบกพร่องทางร่างกายด้วยความเข้าอกเข้าใจ และความรู้สึกของเหล่าสัตว์นํ้าที่ถูกกักขังอยู่ในอควาเรี่ยม

ทั้งสามจึงเริ่มการผจญภัยครั้งใหม่ด้วยการการเดินทางข้ามมหาสมุทรไปสู่สถาบันวิจัยทางทะเล ศูนย์พักฟื้น และ อควาเรี่ยม ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแคลิฟอร์เนีย ซึ่งอาจเป็นบ้านเกิดของ ดอรี่ แต่ระหว่างทางเธอถูกเจ้าหน้าที่จับตัวไป ดอรี่ ได้รับความช่วยเหลือจาก แฮงค์ ปลาหมึก7หนวดขี้หงุดหงิด ผู้ต้องการแท็กเพื่อย้ายตัวเองไปอยู่สถาบันวิจัยแห่งใหม่ในคลีฟแลนด์ ส่วน นีโม่ และ มาร์ลีน เองก็พยายามหาทางเข้าไปในศูนย์วิจัยเพื่อตามหา ดอรี่

 

รีวิว Finding Nemo

Finding Dory ต่างกับ Finding Nemo ตรงที่ภาคนี้เป็นการตามหาความทรงจำ ตามหาตัวตน ตามหาบ้านเกิด (ไม่ใช่ตามหาคนซะทีเดียว) ที่ถูกสื่อสารผ่านการตามหา เจนนี่และชาร์ลี พ่อแม่ของ ดอรี่ หนังนำเสนอประเด็นความทรงจำกับความรัก-ความสัมพันธ์ครอบครัวออกมาได้อบอุ่น เช่นเดียวกับเรื่องมิตรภาพของเพื่อนสัตว์นํ้ารอบตัว ดอรี่ ที่คล้ายกับคนในครอบครัวเช่นกัน

แม้ว่าในส่วนของอารมณ์ความซาบซึ้งประทับใจอาจจะไม่เท่ากับ Finding Nemo ทว่าพาร์ทคอเมอดี้ของ Finding Dory ก็สร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้อย่างมาก ข้อนี้มาจากตัวละครใหม่ๆที่มาช่วยสร้างสีสันได้ดี ไม่ว่าจะเป็น แฮงค์ หมึกนักสืบ , เดสทินี่ ฉลามวาฬจอมซุ่มซ่าม , เบย์ลีย์ วาฬเบลูก้าที่ค้นพบพลังในตัวเอง ,  เบ็คกี้ นกน้ำสุดเพี้ยน , รวมถึงสิงโตทะเลจอมกวน ฟลูค และ รัดเดอร์

ความรู้สึกหลังดู

หนังยังให้ข้อคิดดีๆตามมาตรฐานหนังคุณภาพของพิกซาร์ด้วย ทั้งเรื่องการอนุรักษ์ท้องทะเล ที่เชื่อว่าเด็กได้ดูคงอยากปล่อยให้พวกปลาเหล่านี้อยู่ของมันตามธรรมชาติไม่อยากไปยุ่งอะไรกับมันเลยล่ะ อย่างฉากดอรี่หนีมือเด็ก รีวิวอนิเมะ

 

 

ที่แม้จะบอกว่าเป็นโซนที่ให้เด็กได้ลองสัมผัสสิ่งมีชีวิตต่างๆได้ผ่านการตวบคุมของศูนย์วิจัยแล้วด้วยซ้ำ แต่ภาพของดอรี่และเหล่าสัตว์ที่ถูกจับก็ไม่ได้สนุกด้วยเลย ตรงนี้เรียกว่าคุณพ่อคุณแม่น่าจะมีโอกาสในการสอนเด็กๆเพิ่มเติมถึงแนวคิดการอนุรักษ์ธรรมชาติแบบยั่งยืนด้วยล่ะ

ส่วนด้านพล็อตหลักของเรื่องในการตามหาครอบครัวของดอรี่ก้ต้องบอกว่าซาบซึ้งกินใจเอามากๆเลยทีเดียว ช่วงท้ายๆนี่เรารู้สึกเอมใจกับหนังมากๆ ที่บทสรุปออกมาได้ฟีลกู้ดจริงๆ

อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้สร้างตัวละครที่ไม่เหมือนใครใน Dory (Ellen DeGeneres) ซึ่งเป็นปลาที่ความจำสั้น การทำให้ตัวการ์ตูนมีความผิดปกติอย่างแท้จริงของมนุษย์นั้นมีความเสี่ยง พูดอย่างน้อยที่สุด และฉันดีใจที่ทีมผู้สร้างไม่เสียประสาทที่จะรวมอุปกรณ์อันชาญฉลาดนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างเสียงหัวเราะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบางส่วนของภาพยนตร์เท่านั้น

แต่ยังตอกย้ำความ ปฏิสัมพันธ์ของตัวละครที่เป็นศูนย์กลางของเรื่อง นี่เป็นภาพยนตร์เรื่องเดียวของพิกซาร์ที่มีการพัฒนาตัวละครอย่างแท้จริง ในระหว่างการเดินทาง มาร์ลินเรียนรู้ที่จะผจญภัยมากขึ้น โดยได้คำแนะนำในการเลี้ยงลูกจากเต่านักโต้คลื่นที่พากย์โดยแอนดรูว์ สแตนตัน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ขณะที่นีโม ลูกชายของเขาเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเอง

แน่นอนว่าฉลาม แมงกะพรุน ปลาวาฬ นางนวล นกกระทุง กุ้งก้ามกราม และมนุษย์ที่มาร์ลินพบตลอดทางไม่มีอันตรายใดๆ พวกเขาแค่ทำในสิ่งที่พวกเขาทำ นกกระทุงไนเจลบอกนีโม ณ จุดหนึ่งว่า “ปลาต้องว่ายน้ำ นกต้องกิน” นั่นอาจเป็นความเข้าใจที่น่าสนใจที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ว่าไม่มีวายร้ายตัวจริง มีแต่สิ่งมีชีวิตที่ทำตามธรรมชาติของพวกมัน และอีกสองสามตัวที่อยู่เหนือมัน

 

 

หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ปี 2003 รวมทั้งประสบความสำเร็จด้านรายได้ จนมีภาคต่อออกมาในปี 2016 ในชื่อ Finding Dory

เปิดเรื่องน่าสนใจดี การวาดการ์ตูนวาดได้ดีสมจริงดูน่ารักดี ภาพสวยดี เนื้อเรื่องไม่ค่อยมีอะไรมาก ดำเนินเรื่องเรื่อยๆ โดยการฉายสองช่วงสลับกันไปมาเป็นช่วงๆ บางช่วงฉายนานไปหน่อย พอเดาเรื่องได้บ้าง มีช่วงให้ลุ้นเอาใจช่วยบ้าง มีดราม่าบ้าง มีช่วงที่ตลกบ้าง ดูแล้วทำให้ยิ้มและหัวเราะไปพร้อมๆกัน

หนังเพลิดเพลินจำเริญใจด้วยภาพ และคาแรกเตอร์ต่างที่สนุกสนาน และน่ารักสุดๆไปเลย แถมมีข้อคิดดีๆให้คนดูออกไปด้วย อย่างน้อยดูจบคุณก้ต้องคิดถึงคุณพ่อคุณแม่บ้างล่ะนะ หากชื่นชอบการรีวิวของเรา อย่าลืมติดตามการรีวิวของเราด้วยนะมาดูกันเลย!! รีวิวหนังการ์ตูน