รีวิว Dragon Quest Your Story

ขอแนะนำอนิเมะ Dragon Quest Your Story (Netflix) ดรากอนเควสต์ ชี้ชะตา ดัดแปลงจากเกมให้ชวนคิดถึง เข้าใจว่านี่คือสารจากทีมสร้างถึงแฟนๆ แต่หลายอย่างโดยเฉพาะตอนจบอาจไม่ถูกใจดูอนิเมะออนไลน์

 

 

อนิเมะนี่ Dragon Quest Your Story ที่จริงแล้วอนิเมชั่นเรื่องนี้ มีคุณภาพดี การดัดแปลงในช่วงเปิดเรื่องยอดเยี่ยมมาก แฟนเกมชอบแน่นอน ระหว่างเรื่องราวก็โอเคอยู่ แต่ตอนท้ายไปตัดบทตัวละครบางตัวออก แล้วดันไปทำหักมุมตอนสุดท้ายที่หลายคนอาจจะไม่ชอบเอาเลย ซึ่งผลก็ออกมาว่าโดนวิจารณ์ไว้เละพอสมควรครับ

สำหรับเรื่องนี้ ได้ทีมสร้างในตำนานที่ร่วมกันสร้างตัวเกมซีรีส์นี้กลับมาร่วมด้วยบางส่วน เนื้อเรื่องหลักอ้างอิงและที่ปรึกษาโดย ยูจิ โฮริอิ เพลงประกอบโดย โคอิจิ สุงิยามะ ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของเกมซีรีส์ชุดนี้

ซึ่งและในส่วนด้านงานกำกับและงานสร้าง ได้ทีมสร้างบางคนที่เคยทำผลงานชั้นเยี่ยมอย่าง Stand by Me Doraemon มาร่วมสร้างผลงานเรื่องนี้้ด้วย

ถ้าอยากจะบอกเลยว่าการ์ตูนเรื่องนี้สนุกมั้ย ตรงนี้ต้องอธิบายก่อน เพื่อให้หลายคนเข้าใจว่า ทำไมการดัดแปลงจากฉบับเกมสู่หนังอนิเมชั่นของ Dragon Quest Your Story จึงโดนคาดหวังสูง แล้วพอมันออกมาผิดความคาดหวังของแฟนๆในแง่การดัดแปลงบางจุดและบทสรุป ถึงทำให้โดนวิจารณ์เละเทะที่ญี่ปุ่น

 

 

และ อนิเมะ Dragon Quest เป็นเกมแนว RPG Role Playing Game ที่มีแฟนระดับเดนตายอยู่ทั้งในญี่ปุ่นและหลายประเทศทั่วโลก แม้ว่าในภาพรวมแล้วจะแฟนเกมนี้นอกญี่ปุ่นจะน้อยกว่าเกมตระกูล Final Fantasy ที่เป็นคู่แข่งกันมายาวนาน แล้วในปัจจุบันก็มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันหลังจากสองบริษัทผู้ให้กำเนิดอย่าง Enix และ Square ได้รวมกิจการกันแล้วก็ตาม

ซึ่งที่ผ่านมา Dragon Quest หรือ DQ หรือที่แฟนญี่ปุ่นเรียกกันว่า ดราเก้ จะเป็นที่ตอบรับและได้รับความนิยมในประเทศสูงกว่า FF ในระดับหนึ่ง ยิ่งบางภาค มียอดขายสูงเป็นระดับประวัติการณ์ ทั้งที่ในด้านของ CG กราฟฟิก และตัวเกม DQ ยังคงเลือกทำเกมแนวอนุรักษ์นิยม จะกี่ภาคก็เซตติ้งโลกในเกมเป็นแนวยุคกลางมาตลอด ดูอนิเมะ

 

 

ไม่มีเปลี่ยน ระบบเกมก็เป็นแบบเดิมๆ หน้าจอเมนูเรียบง่ายแบบเดิมๆ ตั้งแต่ภาค 1-7 ดั้งเดิมเป็นแค่จอวินโดว์และตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นที่ใช้อธิบายเรื่องราวหรือไอเท็มต่างๆ ไม่มีแม้กระทั่งภาพประกอบไอเท็ม ดาบ ชุดเกราะ ใดๆทั้งนั้น ตัวเกมกว่าจะยอมมาทำภาพไอคอนและปรับเปลี่ยนหน้าจอเมนูให้เป็นแบบโมเดิร์น ก็ตอนที่มาทำภาค 8 ซึ่งเริมทำออกมาเพื่อโกอินเตอร์ ในขณะที่ FF บุกไปตลาดโลกมานานกว่า แต่ฝั่ง DQ เพิ่งจะเริ่มทำจริงๆ จังๆ เมื่อราวสิบปีนี้เอง ซึ่งช้ากว่ามาก

ก็แปลว่า การดัดแปลง DQ เป็นฉบับอนิเมชั่นแบบ 3D แถมทาง Netflix ยังไปซื้อเพื่อมาฉายทางสตรีมมิ่งของตนเองอีก นี่ย่อมเป็นสิ่งที่แฟนทั่วโลกจับตามอง เพราะนี่จะเป็นการนำเสนอเรื่องราวของ DQ ให้มีความ MASS ในระดับโลกมากขึ้นไปด้วย

ส่วนเนื้อเรื่องของภาคที่ถูกเลือกมาดัดแปลงอนิเมชั่นนี้ก็คือ ภาค Dragon Quest V : Hand of The Heavenly Bride หรือ ดรากอนเควสต์ ภาค 5 เจ้าสาวแห่งสรวงสวรรค์

 

รีวิว Dragon Quest Your Story

 

อาจจะมีหลาย ๆ คนอาจสงสัยว่า แล้วทำไมต้องเป็นภาคนี้ด้วย เพราะนี่คือภาคที่มีเนื้อหายอดเยี่ยม ตราตรึง ลึกซึ้ง มีตัวละครที่แฟนๆชื่นชอบและยังเป็นที่ประทับใจสำหรับแฟน DQ มากที่สุด จนถึงทุกวันนี้ แล้วในหลายสำนักเองก็จัดให้เกมภาคนี้มีเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมติดอันดับต้นๆ แม้ว่าตัวเกมที่ทำลงเครื่อง SFC ในสมัยก่อน จะยังมีกราฟฟิกที่ดูธรรมดามากหากเทียบกับในสมัยนี้ก็ตาม แต่ก็มีการรีเมคเกมฉบับนี้ลงในเครื่อง DS และสามารถโหลดมาเล่นบน iOS ได้แล้วด้วย (ผู้เขียนก็เล่นจบไปหลายรอบ)

สำหรับหนึ่งในเรื่องที่แฟนเกมหลายคนชอบกันมากเกี่ยวกับภาคนี้ก็คือ นี่เป็นเกม DQ ภาคเดียวที่เราสามารถเลือกแต่งงานกับเจ้าสาวคนไหนก็ได้ จากตัวเลือกสองคนคือ เบียงก้า และ ฟลอร่า (ซึ่งตอนหลังในเกมฉบับรีเมคจะมีเพิ่มเดียโบล่าเข้ามาอีกคน)

และอีกทั้งสองสาวน้อยก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกัน จนคนเล่นมักเกิดอาการรักพี่เสียดายน้องที่จะต้องแต่งคนหนึ่งแล้วทิ้งอีกคนไป แต่ก็ทำให้นี่เป็นสีสันของเกมที่มีเสน่ห์มาก และในหนังเรื่องนี้ก็เอาคำถามที่คนเล่นชอบลังเลที่สุดนี้มาใส่เสมือนจะยั่วล้อคนเล่นไปด้วยว่า เออ เล่นรอบนี้ จะเลือกใครดี และแล้วในหนังเองก็ทำซีนช่วงนี้ออกมาได้ดีเกินคาดมากครับ ฉากเลือกเจ้าสาวนี่เองที่อาจจะเป็นซีนที่ดีที่สุดในเรื่องเลยก็ได้

รีวิว Dragon Quest Your Story

ส่วนอีกจุดที่สำคัญก็คือ นี่ยังเป็นเกมภาคที่ พระเอกไม่ใช่ผู้กล้าที่ถูกเลือก แต่กลับหักมุม กลายเป็นลูกชายพระเอกต่างหาก ทำให้ตัวเกมเป็นที่จดจำ และตัวเอกของภาคนี้ก็ได้อารมณ์ของคนที่ต้องพยายามออกเดินทางด้วยกำลังตัวเองจริงๆรีวิวการ์ตูนออนไลน์

 

 

ก็ให้เห็นในภาพรวมเเล้วเหมือนกัน ในเมื่อมันเป็นภาคที่แฟนๆชอบมากขนาดนี้ เมื่อถูกนำมาดัดแปลงเป็นอนิเมชั่น แล้วพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงและตีความใหม่หลายๆอย่าง ไปจนถึงการดีไซต์ตัวละคร กับการตีความบุคลิกตัวละครสำคัญบางคนที่เปลี่ยนไปจากของเดิม ไปจนถึงขั้น “ตัดตัวละครสำคัญ” ที่มีบทบาทในตัวเกมออกไป

และยังมีอีกส่วนที่ยิ่งกว่านั้นนะคือ “ฉากสุดท้ายในเรื่อง” ที่มีการเฉลยเรื่องราวในอนิเมเรืองนี้แบบหักมุมชนิดยิ่งกว่า 360 องศา แม้ว่าเอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้หักมุมหนักขนาดนั้น เพราะเมื่อดูไประยะหนึ่ง หลายคนอาจจะเริ่มสงสัยและมองออก แต่มันก็ทำให้แฟนๆเกมนี้จำนวนมหาศาลที่มีความคาดหวังว่าจะได้เข้ามาดูเรื่องราวของ DQ 5 ในรูปแบบอนิเมชั่น ต้องผิดหวังไปตามๆกัน จนนำไปสู่การวิจารณ์ชนิดสับแหลกในญี่ปุ่นมาแล้ว

ตรงนี้เองที่ทำให้น่าเสียดายว่า ด้วยความที่ตัวเรื่องทำลายความคาดหวังของแฟนๆ แต่อันที่จริงตัวอนิเมชั่นในภาพรวมแล้ว จะถือว่ามีคุณภาพที่ดีในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นงาน CG กราฟฟิก โมชั่น การเคลื่อนไหว ที่ทำออกมาได้ดี ไปจนถึงการเนรมิตฉากแอ็กชั่นจากในเกมและฉากการใช้เวทมนต์และคาถาๆต่างที่แฟนเกมคุ้นเคยให้ออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหว

จะทำได้ดีพอสมควร รวมถึงเพลงประกอบ สกอร์ OST ต่างๆที่เป็นเพียงประจำของเกมซีรีส์นี้ที่ประพันธ์โดยสุดยอดวาทยากรระดับปรมาจารย์อย่าง โคอิจิ สุงิยามะ แต่ละเพลงก็เข้าในแต่ละฉากได้ถูกจังหวะ อีกทั้งในแง่ของการดัดแปลงบทและเนื้อเรื่องให้เกมให้มีความกระชับและเล่าเรื่องราวในฉากสำคัญๆต่างๆให้อยู่ภายในเวลาจำกัด จะทำได้ระดับที่ดี โดยเฉพาะในช่วง 5 นาทีแรกของการเปิดเรื่อง เชื่อว่าแฟนเกมทุกคนต้องยินดีและปลื้มแน่ๆ

 

รีวิว Dragon Quest Your Story

 

แต่อย่างไรก็นะแล้วทุกอย่างมันสวนทางไปเลยสำหรับ 5 นาทีสุดท้ายเสียอย่างนั้น (ในขณะที่ผู้เขียนเองพอรับกับตอนจบแบบนี้ได้ แต่ที่ไม่ชอบที่สุดคือ ตัดบทลูกสาวฝาแฝดทำไม เพราะในฐานแฟนเกมนี้ก็อยากเห็นภาพสมาชิกครอบครัวของตัวเอกอยู่กันพร้อมหน้าบนตัวภาพยนตร์สักครั้ง)

เอาตรง ๆ และจริง ๆ บทสรุปแบบนี้ แฟนๆอาจจะรู้สึกว่า ทีมสร้างจะเลือกนำเสนอหักมุมแบบนี้ทำไม แต่ผู้เขียนเองก็เข้าใจนะ เพราะอันที่จริงแล้ว ชื่อเรื่องของหนังมันก็บอกอยูแล้วว่า Dragon Quest Your Story “แปลว่านี่คือเรื่องราวของคุณ ซึ่งประเด็นนี้ก็ตรงกับคอนเซปต์ของเกม DQ ทุกภาคที่ต้องการทำเกมออกมาเสมือนให้คนเล่น

ได้สวมตัวเองลงไปรับบทบาทเป็นผู้กล้าหรือตัวเอกในเกม ดังนั้นตัวเอกของเกม DQ จะไม่มีบทพูด แต่จะมีแค่ให้เราเลือกตอบคำถามเท่านั้น เพื่อให้เราสวมบทบาทตัวเองเข้าไปได้ง่ายๆ ตัวหนังเองก็ทำออกมาจงใจสื่อตัวสารนี้ให้คนดู อารมณ์เหมือนเป็นการส่งสารบางอย่างจากทีมสร้าง

ผมพูดตามตรงว่า หลายคนไม่อาจชอบ เพราะผู้เขียนก็พอจะความคาดหวังของแฟนเกมนี้ส่วนหนึ่งด้วยว่า อยากเข้าไปเห็นเรื่องราวของเหล่าตัวละครใน DQ 5 ที่พวกเขารัก โลดแล่น มีชีวิตบนอนิเมชั่น ไม่ได้อยากจะมาดู ใครก็ไม่รู้ (ตัวแทนแฟนๆ) เล่นเกมให้เราดูอีก ตรงนี้เลยน่าจะเป็นที่มาของการถูกวิจารณ์สับเละเทะครับ ซึ่งก็พอเข้าใจแฟนๆของ DQ ได้เลย

และนี่เป็นอนิเมชั่นที่ดี มีคุณภาพ เนื้อหาสนุก เพลงประกอบจากเกมที่ชวนคิดถึงสุดไพเราะและเข้ากับแต่ละฉากมาก ฉากแอ็กชั่นตอนสู้กับมอนสเตอร์และการใช้เวทมนต์ทำได้โอเค มีความพยายามที่จะดัดแปลงเรื่องราวจากในเกมมาลงในภาพยนตร์อนิเมชั่นได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงหลายจุดจะน่าขัดใจเอามากๆ แถมตอนจบยังทำออกมาแบบที่คนไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย

ความรู้สึกหลังดู

หนังผจญภัยที่ยอดเยี่ยม ตั้งแต่แอนิเมชั่นไปจนถึงตัวละครที่ยอดเยี่ยม มันเป็นวิดีโอเกมที่ยอดเยี่ยมไปจนถึงการดัดแปลงภาพยนตร์ เป็นเรื่องราวที่คิดซ้ำซากและคาดเดาได้ของเด็กผู้ชายที่ต้องการหาไอเท็มพิเศษเพื่อเอาชนะคนร้ายและได้ตัวผู้หญิงคนนั้นมา และการต่อสู้ครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายและทุกคนก็กลับบ้านอย่างมีความสุข อย่างไรก็ตาม จุดจบที่น่าเศร้ารีวิวอนิเมะ

 

 

แต่ความเป็นจริงที่ผู้คนเลือกใช้ชีวิตในภาพลวงตามากกว่าความเป็นจริง นั่นเรียกว่าความไม่ลงรอยกันทางปัญญา เศร้ามาก. มีโปรแกรม/ภาพสะท้อนที่คาดเดาได้เล็กน้อยถึง “โรคระบาด” ในปี 2020 (ไวรัส วัคซีน ภาพลวงตา) คำตัดสิน: ภาพยนตร์ยุคกลางที่ดี, ผจญภัย, มายากล, มังกร, แฟนตาซี, การต่อสู้เสมือนจริง อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องราวของฉันหรือใครก็ตาม มันเป็นแค่ภาพลวงตา ไม่เห็นเหรอ?

เด็กชายธรรมดาไร้เดียงสาที่ถูกกำหนดให้เป็นวีรบุรุษแห่งแสง กลิ่นหอมสำหรับการผจญภัยครั้งใหม่ เพื่อไม่ให้โลกจมดิ่งสู่ความมืดมิด ซีรีส์เกมสวมบทบาทในตำนานของญี่ปุ่นของ Yuji Horii ซึ่งยอมรับว่าเป็นแฟนตัวยงของเรื่อง ในที่สุดก็ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ โดยเฉพาะการดัดแปลงของ ‘Dragon Quest V: Hand of the Heavenly Bride’ ซึ่งได้รับการสร้างใหม่นับครั้งไม่ถ้วนส่วนใหญ่เนื่องมาจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันไม่ได้เผยแพร่ครั้งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น (มีเกร็ดน่ารู้สำหรับวันนี้!) เรื่องราวเกี่ยวข้องกับผู้ท้าชิงที่วาดภาพชีวิตสามสิบปีของเขาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงการแต่งงาน ผู้ซึ่งต้องตามหาฮีโร่ของ Zenithian ก่อนที่ Ladja

จะปกคลุมโลกในความมืดมิด ปลดปล่อยกองทัพปีศาจ ระหว่างการเดินทาง เขาได้พบกับเพื่อนสมัยเด็ก บิอังกาและเจ้าหญิงเนร่า ถูกพลิกล็อกกลายเป็นสามเหลี่ยมโรแมนติกที่ซับซ้อน และด้วยเหตุนี้เรื่องราวความรักของ ‘Hand of the Heavenly Bride’ จึงเริ่มต้นขึ้น JRPG นั้นขึ้นชื่อในเรื่องระยะเวลาดำเนินการให้เสร็จสิ้น ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณหกสิบชั่วโมง ซึ่งรวมถึงเรื่องราว ตัวละคร ตำนาน และการพัฒนาโลก ซึ่งน่าจะใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมง ปัญหาของ Your Story ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นคือการย่อเกมหกสิบชั่วโมงให้เป็นฟีเจอร์หนึ่งชั่วโมงครึ่ง รายละเอียดยังไม่ได้รับการพัฒนาและตัวเรื่องเองได้ตัดจุดพล็อตหลักอย่างเมามันเพื่อบีบอัดการเล่าเรื่อง ในช่วงเวลาสิบนาที ลูก้า ถูกจองจำ หนีไป ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นการผจญภัยของเขา และเรียนรู้ความสามารถและคาถาของดาบอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกที่จำเป็นของความก้าวหน้าจะถูกละทิ้งทันที สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฝึกหัด เรื่องราวจะเพียงพอกับจุดจบที่น่าตกใจที่ทำให้คุณตั้งคำถามกับเหตุการณ์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม สำหรับแฟน ๆ ที่กำลังรอ Debora น้องสาวของ Nera (ปรากฏใน Nintendo DS remake) หรือลูกสาวของ Hero ความผิดหวังจะท่วมท้น ไม่รวมพวกเขา เจ้าชายแฮร์รี่ยังคงถูกลืมไปตลอดและการขาดการพัฒนาอย่างแท้จริงสำหรับตัวละครนั้นสังเกตเห็นได้ชัดเจน ทว่าแอนิเมชั่น 3 มิติก็เข้ากับสไตล์ของทั้งฉบับที่ใหม่กว่า เช่น ‘Dragon Quest XI’ ซึ่งแสดงให้เห็นโลกแห่งจินตนาการที่มีความเป็นไปได้ไม่รู้จบ

แม้ว่าการตัดสินใจที่จะไม่ใช้รูปแบบศิลปะของโทริยามะก็เป็นความอัปยศอย่างยิ่ง ซีเควนซ์การต่อสู้นั้นเคลื่อนไหวอย่างน่าตื่นเต้นและปลุกชีวิตให้กับสัตว์ประหลาดคลาสสิก เช่น สไลม์โลหะและเซเบอร์แคท “Swoosh!”, “Kerfrizzle!”, “ซูม!” สภาพแวดล้อมมีพื้นผิวที่เยี่ยมยอดและแสงประดิษฐ์ที่ใช้ได้ดีในถ้ำและห้องใต้ดิน การฝังการเล่นเกมย้อนยุคของ ‘Dragon Quest V’ ก็เป็นสิ่งที่แฟนๆ ประทับใจเช่นกัน แม้จะมีคุณสมบัติทางเทคนิคที่ยอดเยี่ยมและการบิดฉากที่สามที่ชาญฉลาด เรื่องราวของคุณไม่เคยเกี่ยวข้องกับผู้ชมและไม่สามารถสรุปเรื่องราวที่กว้างใหญ่เป็นคุณลักษณะขนาดเล็กได้ เปลือกเปล่าของวัสดุต้นทางดั้งเดิม
แต่ก็เอาเป็นว่าในภาพรวมแล้ว นี่คือหนัง DQ ที่แฟนๆควรดู เพราะถ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้ จะมีหลายฉากที่คุณต้องร้องว้าวไปกับมันแน่นอน เป็นการทำหนังที่มีกลิ่นอายแบบ Nostagia สำหรับคนในวัย 30-50+ พอสมควรเลย แต่สุดท้ายแล้วคนดูจะชอบหรือไม่ แนะนำว่าต้องตัดสินเองครับ ถ้าคุณชอบความถึงใจ หรือการรีวิวอนิเมะ หนัง ซี่รี่ส์ หรือสปอย วิเคราะห์ข่าวสาร ทุกเรื่อง ทุกแนว ทั่วโลก หากชื่นชอบการรีวิวของเรา อย่าลืมติดตามการรีวิวของเราด้วยนะมาดูกันเลย!! รีวิวหนังการ์ตูน