รีวิว Tom and Jerry หนูแมวจอมป่วน
หวังว่าคนรุ่นใหม่ในยุคนี้จะรู้สึกผูกพันและคุ้นเคยกับการ์ตูนเรื่องนี้แค่ไหน แต่เชื่อว่าหนุ่มสาวจากยุคมิลเลนเนียลและยุคอื่นๆ ไล่เลี่ยขึ้นไปจะต้องใกล้ชิดกับการ์ตูนในตำนานการฟาดฟันสุดป่วนระหว่าง เจ้าแมว กับ เจ้าหนู คู่ปรับตลอดกาล และในวันนี้พวกเขาทั้งคู่ได้กลับมาอีกครั้ง “Tom and Jerry” มาสร้างความหรรษาวายป่วงบนจอใหญ่ ในฉบับกึ่งแอนิเมชั่นกึ่งไลฟ์แอคชั่น ที่บอกเลยว่า…ความทรงจำเก่าๆ จากสมัยดูการ์ตูนจากวิดีโอเทป VHS กลับมาให้คิดถึงเต็มๆ ดูอนิเมะออนไลน์
เรื่องราวของ Tom and Jerry นั้น เป็นเรื่องราวของ เจอร์รี่ ที่ได้ย้ายหาที่อยู่ใหม่เข้าสู่มหานครนิวยอร์ก ก่อนจะมาประทับใจกับบรรยากาศที่โรงแรมหรูหราใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ที่กำลังจะมีการจัดพิธีแต่งงานมหึมาอลังการขึ้น เป็นเหตุทำให้ผู้จัดงานต้องจ้าง ทอม มาเพื่อกำจัดเขาออกไปให้พ้นตา จึงเกิดเป็นสงครามระหว่างแมวกับหนูที่อาจทำลายอาชีพการงานของผู้จัดงานคนนั้น รวมไปถึงพิธีแต่งงานและชื่อเสียงอันโด่งดังของโรงแรมแห่งนี้
เรื่องย่อมีอยู่ว่า เมื่อ เจอร์รี่ ย้ายไปอยู่ที่โรงแรมที่หรูหราที่สุดในมหานครนิวยอร์ก ณ ช่วงเวลาที่กำลังจะมีพิธีการแต่งงานสำคัญ เป็นเหตุให้ผู้จัดงานจำเป็นต้องจ้าง ทอม มาเพื่อกำจัดเขาให้ออกไปให้พ้นตา เกิดเป็นสงครามระหว่างแมวกับหนูที่อาจทำลายอาชีพการงานของผู้จัดงานคนนั้น ไปจนถึงพิธีแต่งงาน และชื่อเสียงอันโด่งดังของโรงแรม แถมสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่เมื่อมีพนักงานอีกหนึ่งคนที่พยายามเข้ามาเติมเชื้อเพลิงให้กับความวุ่นวายระหว่างพวกเขา
เมื่อทอมแอนด์เจอร์รี่ เวอร์ชันปี 2021 นี้ ถือว่าเป็นเวอร์ชันแรกในโลกที่ผสมผสานแอนิเมชันสามมิติกับคนแสดงเข้าไว้ด้วยกันครับ เนื้อเรื่องเริ่มต้นด้วยเจ้าหนู “เจอร์รี่” ที่มีโอกาสย้ายเข้าไปอยู่ในโรงแรมสุดหรูใจกลางนิวยอร์ก ที่กำลังจะกลายเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานสำคัญใหญ่โตของเซเลบริตีคนสำคัญ ให้บังเอิญจังหวะเดียวกันกับ “เคย์ลา” (Chloë Grace Moretz) สาวเจนวายเจ้าเล่ห์แต่ตกอับที่เพิ่งจะตกงานจากร้านซักรีดมาหยก ๆ ได้มีโอกาสใช้ความเจ้าเล่ห์เพทุบาย จนได้มีโอกาสเข้าไปเป็นพนักงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้ดูแลงานอีเวนต์งานแต่งงานสำคัญนี้โดยเฉพาะ
ซึ่งหมายถึง เป็นพวกมุกตลกอุปกรณ์ มุกเจ็บตัว มุกผิดพลาด ต่าง ๆ นานา ที่พลิกแพลงไหลลื่นไปได้เรื่อย ๆ มันก็เลยทำให้การ์ตูนเรื่องนี้กลายเป็นการ์ตูนที่อยู่คู่มาทุกยุคทุกสมัย มีสปินออฟ แตกภาคใหม่ มีตัวละครมาเสริมเพิ่มความป่วนในรูปแบบการ์ตูน หรือแม้แต่ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็ก (Tom and Jerry Kids) ก็เคยมีมาแล้ว
แล้วเเน่นอนว่า ในเวอร์ชันภาพยนตร์ก็เคยมีมาแล้วเหมือนกัน ซึ่งในเวอร์ชันภาพยนตร์นั้นมีมาแล้ว 14 ภาค ภาคแรก (Tom and Jerry: The Movie) ฉายมาตั้งแต่ปี 1993 โน่น แน่นอนว่าคนไทยอาจจะไม่ได้คุ้นเคยกับการผจญภัยของเจ้าแมวทอม กับเจ้าหนูเจอร์รี่ในเวอร์ชันภาพยนตร์กันสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่า 14 ภาคก่อนหน้านั้น ก็ยังเป็นเพียงแอนิเมชันสปินออฟที่จับเอานิทาน หนังดัง นิยายดังแล้วให้ทอมไปวิ่งไล่จับเจอร์รี่ในนั้นซะมากกว่า ดูอนิเมะ
ตั้งแต่เสี้ยววินาทีแรกของหนังเมื่อได้ปรากฏขึ้น ความทรงจำวัยเด็กก็ค่อยๆ หวนย้อนกลับมาให้นึกถึงถวิลหาจริงๆ อาจจะเป็นเพราะว่าได้รู้จักและคุ้นเคยกับ เจ้าทอม และ เจ้าเจอร์รี่ คู่กัดตลอดกาลคู่นี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก เราเห็นพวกเขาไล่ฟัดกันที่หน้าจอทีวี ทั้งสมัยยังออนแอร์ผ่านฟรีทีวีช่องดัง และพ่อแม่ซื้อวิดีโอเทปแต่ละตอนมาเปิดให้ดู บรรยากาศแห่งวันวานได้กลับมาจริงๆ
ซึ่งนับตั้งแต่ William Hanna และ Joseph Barbera หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hanna-Barbera ให้กำเนิดแฟรนไชส์การ์ตูนอย่าง Tom and Jerry มาตั้งแต่ปี 1940 ถึงถ้านับเป็น พ.ศ. ก็คือปี พ.ศ. 2483 ซึ่งแน่นอนว่า ด้วยความคลาสสิกของเนื้อเรื่องที่ไม่ได้มีอะไรนอกจาก “แมววิ่งไล่จับหนู” แต่ดันเป็นแมววิ่งไล่จับหนูที่ขายมุกแบบที่เรียกกันว่า Slapstick comedy
คนหลาย ๆ คน น่าจะรู้เป็นกังวลเป็นห่วง ในฐานะของหนังไลฟ์แอ็กชันที่เอาแอนิเมชันคลาสสิกขึ้นหิ้งที่คนทั้งโลกชื่นชอบมาสร้างก็คือ จะทำได้ถึงไหม จะคงกลิ่นอายความเป็นต้นฉบับไว้ได้แค่ไหน จะมีปัญหาว่า จากการ์ตูน 2D พอเอามาขึ้นเป็น 3D มักจะเกิดอาการ “ไม่ตรงปก” เหมือนในแอนิเมชันหลาย ๆ เรื่องหรือไม่ ซึ่งก็ต้องขอบอกเลยครับว่า Tim Story ผู้กำกับ (ที่แอบไปรับบทเจ้านกพิราบในเรื่องด้วย) สามารถเก็บรักษากลิ่นอายของความเป็นต้นฉบับเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน เอาตั้งแต่คาแรกเตอร์ทอมและเจอร์รี่ในรูปแบบ 3D ที่ทำออกมาได้ดูดีและไม่ผิดจากต้นฉบับ 2D มาก
จนถึงแต่ละฉากที่ทั้งคู่ต้องวิ่งไล่จับกัน (ก็แหง นี่มันทอมแอนด์เจอร์รี่ 555) ก็ยังคงเอกลักษณ์มุก Slapstick เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน คือตอนเปิดเรื่องมาก็มีฉากวิ่งไล่จับกันให้ดูก่อนเลย 1 ยก แถมยังแทบจะไม่เกี่ยวกับเส้นเรื่องหลักด้วยซ้ำ เข้าใจว่าเพื่อดึงผู้ชมกลับไปสู่กลิ่นอายของความเป็นทอมแอนด์เจอร์รี่ที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ
จนกระทั่งเมื่อเธอได้พบเจอกับเจอร์รี่ ที่ไม่ใช่แค่มาอยู่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมาป่วนโรงแรม ขโมยของ ขโมยอาหารสารพัดไปสร้างวิมานรูหนูของตัวเองซะงั้น จนกระทั่งเธอได้ไปเจอและมีโอกาสจ้าง “ทอม” แมวคู่ปรับตลอดกาลมารับหน้าที่กำจัดเจอร์รีออกไปให้พ้น เพื่อไม่ให้งานแต่งงานสำคัญ และชื่อเสียงของโรงแรมต้องมีอันต้องพังพาบไปเสียก่อน
เนื้อเรื่อง ก็สามารถเอากลิ่นอายวิ่งไล่จับสไตล์ทอมแอนด์เจอร์รี่ มาผสมผสานและต่อยอดให้เล่นใหญ่ขึ้น มีฉากที่ไม่ใช่เพียงบ้านเล็ก ๆ แต่เป็นโรงแรมทั้งโรงแรม และในเมืองนิวยอร์กแทบทั้งเมือง โดยใช้โลเกชันและพรอปต่าง ๆ เอามาคิดต่อยอดกลยุทธ์ไล่จับได้สนุกสนาน ตอนท้าย ๆ เรื่องนี่ถึงขั้นมีสเก็ตบอร์ดและโดรนมาเข้าฉากด้วย!
อีกที่ไม่ชื่นชมไม่ได้คือเรื่องเนื้อเรื่องครับ ต้องบอกเลยว่า เป็นพล็อตหนังฟีลกู้ดที่ดูแล้วฟีลกู้ดจริง ๆ ดีต่อใจมาก ๆ โดยเฉพาะการหยิบเอาประเด็นเรื่อง “โอกาส” และ “การพิสูจน์ตัวตน” ของน้องเคย์ลา หรือน้องโคลอี ที่ต้องรับบทเป็นสาวน้อยตกงานที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสในการพิสูจน์ตัวตน รวมไปถึงเรื่องราวของความรักของคู่รักเซเลบฯ กับความรักที่เกิดปัญหาเพราะไม่ยอมที่จะหันมาฟังกันบ้าง
รีวิว Tom and Jerry หนูแมวจอมป่วน
นักแสดงหลักอย่างน้องโคลอี Chloë Grace Moretz มาถึงเรื่องนี้ก็ต้องชื่นชมว่า สามารถรับบทสาวน้อยตกอับได้ดูตกอับจริง ๆ แถมในบางมุมที่เธอมีความเจ้าเล่ห์เพทุบาย ก็ยังทำออกมาได้มีเสน่ห์ น่ารัก และน่าสนใจมาก ๆ รีวิวการ์ตูนออนไลน์
การวางบทบาทให้เจอร์รี่เป็นหนูตัวป่วนโรงแรมที่มีความร้ายอยู่ กับทอม แมวนักดนตรีที่แม้จะเจ็บตัวบ๊อยบ่อย แต่ก็มีความฉลาดเป็นกรด และดูน่าสงสารในบางจังหวะ ก็เป็นการต่อยอดจากต้นฉบับที่เรามักไม่ค่อยรู้เรื่องราวของพวกมันเท่าไหร่ (ก็เอาแต่วิ่งไล่จับกันทั้งเรื่อง 555) มาสู่การเป็นหนัง Live Action ที่ทำให้ทอมแอนด์เจอร์รี่ดูมีเสน่ห์และน่ารักขึ้นเป็นกอง
ถ้าอยากจะไปดู แนะนำนะเลยว่า ควรไปดูกันตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย และดูไปตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะนอกจากจะมี End Credits ท้ายเรื่อง และกิมมิกเล็กๆ (ที่ฮาแน่นอนถ้าใครสังเกตทัน) ด้วยความเคารพต้นฉบับ และการต่อยอดที่ฉลาดสุด ๆ ของหนังเรื่องนี้ เชื่อว่าน่าจะสามารถทำให้คุณย้อนวัยกลับไปตอนที่คุณนั่งดูทอมแอนด์เจอร์รี่หน้าทีวี รวมทั้งยังเป็นหนังที่เหมาะที่จะพาครอบครัวไปดูกันในวันหยุด ที่รับประกันว่าจะได้ฮาก๊าก ฟีลกู้ด เพลิดเพลิน หายเครียดกันทั้งครอบครัวแน่นอน รีวิวอนิเมะ
ซึ่งอีกส่วนที่ต้องชื่นชมเป็นอย่างมากนอกจากการเคารพและต่อยอดจากการ์ตูนต้นฉบับแล้ว อีกสิ่งที่ต้องพูดถึงก็คือบทและการวางพล็อตที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมครับ โดยเฉพาะการออกแบบมุกที่มีกิมมิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ได้ฮาเล็ก ฮาใหญ่สลับกันไป เป็นมุกที่แทรกเอาไว้ได้อย่างพอดีพอเหมาะ และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นการวางพล็อตแบบ “ปู-ชง-ตบ” แอบวางพล็อตไว้ตรงไหน พล็อตก็ตามมาเก็บกลับได้อย่างฮามาก ๆ เรียกว่าเป็นหนังที่เสียพลังงานไปกับการฮาตลอดเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบเลย
ความรู้สึกหลังดู
บอกตรงๆเลยว่าการ์ตูนเรื่องนี้ถือว่าเป็นการ์ตูนที่ย้อนวัยเด็กได้ดีเลยทีเดียว ตัวการ์ตูนเคารพต้นฉบับไว้ได้อย่างดี เก็บมุกและกิมมิกต่าง ๆ จากยุคเก่าไว้ได้ครบ น้องโคลอีเล่นเป็นสาวเจนวายตกงานได้มีเสน่ห์ เจ้าเล่ห์ น่ารักมาก ๆ พล็อตวางมุก ปู-ชง-ตบเยี่ยม มีกิมมิกซ่อนไว้ทั้งเรื่อง ดูแล้วฮาแทบไม่ไหว บทฟีลกู้ด ตลก ฮา ซึ้ง บันเทิงดูได้หายเครียดทั้งครอบครัว
ฉันชอบการ์ตูนเรื่องนี้และเป็นหนึ่งในรายการโปรดของฉันด้วย กางเกงขาสั้นนั้นยอดเยี่ยมและน่าทึ่งและตัวละครก็น่าทึ่ง (แม้ว่าบางเรื่องจะไม่ชอบใจ) และชอบ Spongebob Squarepants (รายการโปรดอื่น ๆ ของฉัน) มันมี Memes มากมายบนอินเทอร์เน็ต ถ้าคุณอยากดูการแสดงเกี่ยวกับแมวไล่หนู (หรือการ์ตูนเรื่องตลก) ฉันขอแนะนำอันนี้ และยังเป็น “รายการแรก” ที่สร้างสรรค์โดยวิลเลียม ฮันนา และโจเซฟ บาร์เบรา มาดูกันเลย!! รีวิวหนังการ์ตูน