รีวิว Toy Story
นี่คือสิ่งที่ผมอยากพูดถึง เมื่อคุณอาจจะมีอายุหน่อย แต่ชอบดูการ์ตูน เพราะนี่คือการ์ตูนเรื่องแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในยุค 90 และไม่ว่าคุณจะอายุมากน้อยเท่าไหร่ก็ตาม เด็กๆก็จะสนุกไปกับบรรดาคาแรกเตอร์ของตัวละครที่โดดเด่นและน่าจดจำ ผู้ใหญ่ก็จะสามารถมองเห็นตัวเองผ่านตัวละครเหล่านั้นและตกผลึกสาระในชีวิตได้เช่นเดียวกัน ผมกำลังพูดถึงหนังการ์ตูนเรื่อง Toy Story ทอย สตอรี่ นั่นเอง การ์ตูนเรื่องนี้ เป็นการ์ตูนที่จะพาทุกคน ดำดิ่งไปกับความทรงจำดี ๆ ของคุณและของเล่นชิ้นโปรดในสมัยเด็ก การผจญภัยสุดตื่นเต้น ของเหล่าของเล่นที่มีชีวิต และมิตรภาพอันแสนงดงาม และถ้าเพื่อนๆคิดถึงการ์ตูนเรื่องนี้ และอยากจะดูขึ้นมา สามารถไปดูได้ที่ ดูการ์ตูน
ความเป็นมาของการ์ตูนเรื่องนี้ Toy Story เป็นการ์ตูนเรื่องแรกของ ‘Pixar Studios’ ที่ทำมาจากคอมพิวเตอร์ทั้งหมด โดยฝีมือกำกับของ จอห์น แลสเซทเตอร์ และจัดจำหน่ายโดย Walt Disney Company ซึ่งมีกำหนดออกฉาย Toy Story ภาคแรกในปี ค.ศ. 1995 และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้ชมทั่วโลก เพื่อนหลายๆคนรวมทั้งผมคงจะได้ดูกันอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ที่ยกย่องเรื่องนวัตกรรมการทำแอนิเมชั่น รวมถึงบทภาพยนตร์ที่ฉลาด และมีเนื้อหาเข้มข้น ทำให้ Toy Story ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 3 สาขา ได้แก่ รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ด้วยความสำเร็จอย่างมากที่ได้รับทำให้หลังจากนั้นก็ได้มี Toy Story ภาค 2 ในปี ค.ศ. 1999 และ Toy Story ภาค 3 ในปี ค.ศ. 2010 ซึ่งหลาย ๆ คนคาดว่านี่อาจจะเป็นภาคจบของการ์ตูนเรื่องนี้ แต่หลังจากที่ได้ทิ้งช่วงไปนานถึง 9 ปี ก็ได้มีการฉาย Toy Story ภาค 4 ในปี ค.ศ.2019 เรียกว่าเป็นการกลับมาหลังจากทำให้ต้องคิดถึงกันนาน ดูอนิเมะ
ภาคแรก
ในภาคแรกนี้การ์ตูนได้เกริ่นถึงเรื่องราวของเหล่าของเล่นที่ต้องแกล้งทำเป็นของเล่นปกติที่ไม่มีชีวิต แต่ที่จริงแล้วของเล่นทุกชิ้นต่างสามารถมีความคิด ความรู้สึก และเคลื่อนไหวได้ไม่ต่างจากมนุษย์ โดยมีตัวละครหลักอย่าง ‘วู้ดดี้’ ตุ๊กตาคาวบอยยุคคลาสสิค ซึ่งเป็นของเล่นชิ้นโปรคของ ‘แอนดี้’ เด็กชายวัย 6 ขวบ ทำให้วู้ดดี้เป็นเหมือนหัวหน้าของเหล่าของเล่นชิ้นอื่น ๆ ในบ้านของแอนดี้อีกด้วย
ของเล่นในบ้านหลังนึงที่มีเด็กผู้ชายผู้ที่มีของเล่นเยอะและรักของเล่นของเขามาก เด็กผู้ชายดูแลรักษาของเล่นเขาเป็นอย่างดี และก็มีของเล่นที่เป็นชิ้นโปรดของเด็กชายที่ไม่ว่าจะเล่นอะไรเขาก็จะให้ของเล่นชิ้นนี้พิเศษกว่าทุกชิ้น วันนึงก็มีของเล่นชิ้นใหม่เข้ามาและมาแย่งตำแหน่งคนโปรดไปทำให้ของเล่นอิจฉากันมาก และวันนึงก็เกิดเรื่องที่ทำให้หนึ่งในของเล่นต้องพากจากเจ้าของ จึงทำให้พวกเขาต้องหาทางเพื่อกลับไปหาเจ้าของให้ได้
แต่แล้ววันหนึ่งในช่วงที่ครอบครัวของแอนดี้กำลังจะย้ายไปบ้านหลังใหม่ ครอบครัวของเขาจึงได้จัดปาร์ตี้วันเกิดล่วงหน้า และแอนดี้ก็ได้รับ ‘บัซ ไลท์เยียร์’ ของเล่นหุ่นยนต์ตำรวจอวกาศที่แม่ของแอนดี้ให้เขาเป็นของขวัญ ซึ่งเขาก็ชื่นชอบหุ่นยนต์ตัวใหม่นี้มาก ทำให้หลังจากนั้นก็เกิดการแย่งชิงความสนใจจากแอนดี้ ของวู้ดดี้ และบัซ
ไลท์เยียร์ต้องการเป็นของเล่นชิ้นโปรดเพียงหนึ่งเดียวของแอนดี้จนเกิดเหตุบังเอิญให้เขาทั้งสองต้องไปตกอยู่ในมือของ ‘ซิด’ เด็กชายข้างบ้านของแอนดี้ ที่มีนิสัยชอบทำลาย ของเล่นด้วยวิธีการพิศดารต่าง ๆ วู้ดดี้ และ บัซ ไลท์เยียร์จึงต้องร่วมมือกันเพื่อหนีกลับไปบ้านของแอนดี้ให้ได้ ทำให้ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน และเกิดเป็นมิตรภาพที่ดี เพื่อที่จะเอาชนะอุปสรรค และหาทางกลับไปาหาแอนดี้ให้ได้ เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งสองจะเป็นอย่างไร พวกเขาจะสามารถหาทางกลับมาพบกับแอนดี้อีกครั้งได้หรือไม่ สามารถดูภาคแรกได้ที ดูการ์ตูนออนไลน์
ภาคสอง
เมื่อเจ้าของบ้านเก็บของในบ้านที่เยอะเกินนำไปเปิดร้านขายของและบังเอิญทำให้หนึ่งในของเล่นตกไปในกล่องขายของด้วย จากนั้นก็มีคนซื้อไป ทำให้พวกเหล่าของเล่นต้องผจญภัย ออกไปสู่โลกภายนอกเพื่อตามหาเพื่อนของเหล่าของเล่นให้กลับมา และภาคนี้ก็เป็นภาคที่เปิดโลกให้เรารู้จักกับของเล่นอีกหลายชนิดที่จะเป็นเพื่อนๆอีกด้วย รีวิวอนิเมะ
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่แอนดี้ต้องไปเข้าค่ายฤดูร้อน ได้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นเมื่อ ‘อัล’ ชายนักสะสมของเล่น ที่ตามเก็บตุ๊กตาหาเพื่อเพื่อการค้าและกำไรเท่านั้น ได้เข้ามาในบ้านในตอนที่แอนดี้ไม่อยู่ และได้ขโมยวู้ดดี้ไปจากบ้าน เพราะตุ๊กตาคาวบอยแบบวู้ดดี้เป็นหนึ่งใน ‘คอลเล็คชั่นราวด์อัพวู้ดดี้’ ซึ่งเป็นคอลเล็คชั่นตุ๊กตาที่หายากมากในขณะนั้น เมื่อวู้ดดี้ไปถึงบ้านของอัล เขาได้พบกับ ‘เจสซี่’ คาวเกิร์ลสาว ‘บูลส์อาย’ ม้าสีน้ำตาล และ ‘สติงกี้ พีท’ ตุ๊กตาชายนักขุดทอง ซึ่งทั้ง 4 เป็นตุ๊กตาในคอลเล็คชั่นเดียวกัน และอัลมีแผนที่จะขายพวกเขาทั้งหมดให้กับพิพิธภัณฑ์ที่จะนำพวกเขาไปตั้งโชว์ในตู้กระจกตลอดกาล
ทำให้ ‘บัซ ไลท์เยียร์’ ได้รวมทีมกับเหล่าของเล่นทั้ง ‘มิสเตอร์โปเตโต้เฮด’ ของเล่นรูปมันฝรั่ง, ‘แฮม’ กระปุกออมสินรูปหมู, ‘เร็กซ์’ ตุ๊กตาทีเร็กซ์ และ ‘สลิงกี้ ด็อก’ ของเล่นเจ้าหมาติดสปริง เพื่อไปช่วยเหลือวู้ดดี้จากการถูกส่งไปยังพิพิธภัณฑ์ของเล่น และย้ำเตือนสติให้วู้ดดี้ว่าการเป็นของเล่นที่แท้จริงนั้นคืออะไร พวกเขาจะสามารถช่วยวู้ดดี้กลับมาได้ทันก่อนแอนดี้จะกลับมาจากค่ายหรือไม่ ต้องตามมาเอาใจช่วยพวกเขากันครับ
ภาคสาม
ภาคนี้จะห่างจากภาคที่แล้วมาหลายปีซึ่งจะเล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มซึ่งเติบโตขึ้นและกำลังจะเข้ามหาลัย และเขาก็โตเกินกว่าที่จะเล่นของเล่น เขาจึงไม่รู้จะทำยังไงกับของเล่นพวกนี้ เรื่องราวก็ได้ดำเนินมาถึงช่วงที่ ‘แอนดี้’ มีอายุได้ 17 ปี เป็นช่วงที่เขาต้องเตรียมตัวไปศึกษาต่อในระดับชั้นมหาวิทยาลัย ซึ่งแอนดี้ได้ตัดสินใจจะนำ ‘วู้ดดี้’ ไปกับเขาด้วย และนำของเล่นชิ้นอื่น ๆ เก็บไว้ในห้องใต้หลังคา แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้แม่ของแอนดี้เข้าใจผิด คิดว่าแอนดี้ไม่ต้องการของเล่นพวกนั้นแล้ว จึงจะนำของเล่นทั้งหมดไปบริจาคให้กับ ‘ซันนี่ไซด์ เดย์แคร์’ แต่วู้ดดี้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิด และพยายามอธิบายทุกอย่างให้ของเล่นชิ้นอื่น ๆ เข้าใจ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมรับฟัง
จนในที่สุดเหล่าของเล่นก็ถูกส่งมาที่ซันนี่ไซด์ซึ่งเป็นเหมือนสถานรับเลี้ยงเด็ก และได้พบกับ ‘ลอสโซ่’ ตุ๊กตาหมีสีม่วงซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นหมียอดนักกอด และเหล่าของเล่นชิ้นอื่น ๆ ที่ให้การต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น ทำให้วู้ดดี้ที่ไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาให้กลับไปอยู่กับแอนดี้ได้ เพราะพวกเขารู้สึกว่าการอยู่ที่นี่นั้นมีความสุขกว่าการถูกเก็บอยู่ในห้องใต้หลังคา รีวิวการ์ตูน
วู้ดดี้จึงตัดสินใจแยกออกจากลุ่มของเล่นทำให้วู้ดดี้ได้ล่วงรู้ความลับอันดำมืดบางอย่างของเหล่าของเล่นที่ซันนี่ไซด์ และในขณะนั้นเหล่าของเล่นที่ยังอยู่ที่นั่นเองก็เริ่มถูกเล่นงานเข้าแล้ว วู้ดดี้ที่รู้เรื่องทุกอย่างจึงพยายามหาวิธีเข้าไปช่วยเพื่อนๆ และได้รวมพลังกันวางแผนเพื่อจะหนีกลับบ้านไปหาแอนดี้ให้ได้ พวกเขาจะหนีออกมาได้หรือไม่? แล้วแอนดี้จะตัดสินใจอย่างไรต่อไปกับเหล่าของเล่น? ติดตามชมการผจญภัยสุดลุ้นระทึก ความหมายของคำว่ามิตรภาพ และการจากลาที่สวยงาม
รีวิว Toy Story ภาคสี่ ควรมีไหม ดีเหมือนภาคแรกๆหรือเปล่า
การกลับมาในรอบ 9 ปีหลังจากที่ภาค 3 ได้ทำเราซึ้งจนน้ำตาไหล และคิดว่าเป็นการปิดจบแอนิเมชั่นไตรภาคที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แต่การกลับมาครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลย ยังคงความสนุก มุขตลกแบบฉบับ toy story ความซึ้งกินใจของมิตรภาพระหว่างของเล่น แถมด้วยภาพสวย สีสันสดใส ความสมจริงของเงาบนตัวการ์ตูนที่ทำให้ภาคนี้น่าดูมากยิ่งขึ้น
หนังเปิดเรื่องที่ เหตุการณ์ก่อนภาค 3 คลี่คลายปมความสงสัยสำหรับคนดูภาคสามได้ตั้งแต่ต้นเริ่ม และมันเป็นจุดที่เอาเป็นว่า ถ้าใครชื่นชอบเรื่องนี้และผูกพันมากับหนังเรื่องนี้แต่เด็ก แน่นอนว่ามีปล่อยโฮนิดๆกับการคุ้นเคยหรือรู้จักตัวละครนั้นๆ และมันทำได้ดีงามมากๆ หนังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ตัวละครของของเล่นและบอนนี่ผู้เป็นเจ้าของ เหตุการณ์มันคล้ายๆกับตอนเราดูภาคแรก เมื่อครั้นที่แอนดี้ได้ของเล่นใหม่อย่างบัซไลท์เยียร์ แบบโมเม้นท์ใครแทนที่ใครประมาณนั้น
แน่นอนหนังภาคนี้ยังไม่ลืมตัวเอง นั้นคือการเล่าเรื่องการทำหน้าที่เป็นของของเล่น ที่ค่อยดูแลและเล่นเป็นเพื่อนกับเจ้าของที่รัก นั่นคือสิ่งที่ตัวละครนายอำเภอวู้ดดี้เป็น ตั้งแต่ภาคแรก ยันภาคนี้ ก็ยังคงเสมอต้นและเสมอปลาย เขาจึงเป็นตัวละครที่ใครๆที่ติดตามหนังแฟรนไชส์เรื่องนี้ต่างก็พากันหลงรัก เป็นตัวละครที่แสดงถึงความเป็นผู้นำเพื่อนๆ เชื่อมั่นตนเอง และไม่ทิ้งพรรคพวกไว้เบื้องหลัง แม้ว่าภาคนี้จะใส่เหตุผลว่าสิ่งเขาเชื่อมั่น อาจจะเป็นการหลงทางอยู่บ้าง แต่เราผู้ชมจะได้สนุกและเอาใจลุ้นช่วยตัวละครนี้เสมอ
เรื่องราวจะสะท้อนถึงความเสียใจของ ตุ๊กตาเซรามิกสาว ที่คิดว่าวันหนึ่งคงต้องมาถึง วันที่เธอนั้นไม่ได้เป็นที่ต้องการอีกต่อไปแล้ว โดยความคิดของเธอในตอนนั้นได้สะท้อนความรู้สึก เศร้า และ เสียใจ ที่ตนเองคงไม่มีโอกาสได้เป็นของเล่นของ แอนดี้ อีกต่อไปแล้วเธอจึงเลือกที่จะไป เธอต้องการที่จะเลือกทางของตนเอง และ อยากค้นหาโลกเธอสามารถจะอยู่ได้ และ ยอมรับในตัวเธอ
ระหว่างการตามหาฟอร์คกี้นั้นเอง ทำให้วู้ดดี้ได้กลับมาพบกับโบ พี๊ปอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เธอได้กลายเป็นของเล่นพเนจรที่ไม่มีเจ้าของอีกต่อไป เธอออกเดินทางเพื่อออกสำรวจโลกกว้าง แม้ว่าตอนแรกวู้ดดี้ได้พยายามชักชวนเธอให้กลับไปอยู่กับบอนนี่ แต่ก็ไม่สำเร็จ มันจึงทำให้ตัวเธอโทษตัวเองว่ามาโดยตลอด ถึงเรื่องราวที่ไม่มีใครรักในตัวเธอ เพราะเธอไม่เคยได้รับคามรักจากเด็กคนไหนมาก่อนเลย ตุ๊กตาอย่างเธอจึงเสียใจมาก เพราะเธอนั้นก็มีความฝันไม่ต่างอะไรจาก ของเล่นชิ้นอื่น ๆ ที่อยากจะมีเจ้าของ อยากที่จะมีเพื่อน และ อยากให้มีคนสนใจและรักในตัวเธอบ้าง และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ขอไม่สปอยแล้วกันครับ ต้องไปติดตามดูกันเอง ที่ ดูอนิเมะ
สรุปแล้วนี่คือภาคจบที่สมบูรณ์แบบหรือไม่
สำหรับภาคนี้ เนื้อเรื่องยังคงเล่าเรื่องตามสไตล์ Toy Story อยู่เช่นเคย ซึ่งบางคนยังรู้สึกว่าแฟรนไชส์ Toy Story จบสมบูรณ์ไปแล้วในภาคที่ 3 แต่พอมีภาค 4 ขึ้นมาก็มีความกล้าๆ กลัวๆ อยู่ว่าจะไปรอดรึเปล่า
ด้วยความที่ตอนท้ายของภาค 3 คือ การส่งต่อของเล่นของแอนดี้ให้กับเจ้าหนูโบนี่ ทำให้ตอนจบของภาคนั้นมันสมบูรณ์และสวยงาม พอมาภาคที่ 4 เลยทำให้ประเด็นหลักจริงๆ ของภาคนี้ดูเบาไปเลยยหนังเลือกที่จะดำเนินเรื่องชวนลุ้น ให้เอาใจช่วย แบบที่เคยดูมาตลอดทุกภาค เหมือนเกิดวิกฤต แต่วู่ดดี้กับผองเพื่อนตามแก้เควส กลับทำให้รู้สึกว่าแอบซ้ำซากบ้าง แต่โอเคพอรับได้ มันไม่น่าเบื่อ แม้จะบอกว่าจุดเริ่มของตัวหนังจะทำให้แอดได้ปล่อยโฮบ้าง แต่แอบผิดหวังกับตอนจบของหนังนิดๆ ที่คิดว่ามันจะทำให้ซึ้งได้กว่านี้ รีวิวการ์ตูน