รีวิว How to Train Your Dragon
สำหรับหนังการ์ตูนที่เพื่อนๆ น่าจะเคยดูกันมาบ้างแล้ว กับเจ้าเขี้ยวกุด หรือที่ชื่อเต็มๆ คือ How to Train Your Dragon บอกเลยว่าการรีวิวครั้งนี้จะทำให้คุณต้องย้อยกลับไปเปิดดูใหม่สามภาคแน่นอน และข้อดีของหนังการ์ตูนเรื่องนี้คือ เนื้อเรื่องทั้งสามภาคนั้น ต่อกัน เพื่อนเลยสามารถ ดูรวดเดียวจนจบทั้งสามภาคได้สบายๆ และถ้าใครอยากดูการ์ตูนเรื่องนี้ แบบเต็มๆ ภาพคมชัด เสียงแน่นๆ เหมือนดูในโรง ต้องไปดูที่ ดูอนิเมะ
หากว่า คุณเป็นลูกไว้กิ้ง แต่กลับไม่มีจิตคิดฆ่ามังกร คุณจะเลือกทำเช่นไร หากทฤษฎีที่ชาวไวกิ้งว่ากันมาเกี่ยวกับมังกร เกิดมีข้อยกเว้น หากมีชาวไวกิ้งสักคนไม่คิดฆ่ามัน แต่คิดว่าจะฝึกมันล่ะ
แน่นอนว่า การฝึกมันซึ่งเป็นสัตว์ดุร้ายขนาดใหญ่พ่นไฟได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าใครสักคนจะทำได้ คงต้องเข้าใจในความเป็นมัน สื่อสารกันมันได้ จะด้วยคำพูดหรือด้วยอะไรก็แล้วแต่ การมองว่ามังกรไม่ต่างกับมนุษย์ ที่รักตัวกลัวตาย ป้องกันตัวเองและเอาตัวรอดจากอันตราย และต้องการอาหารในการดำรงชีวิต อาจเป็นวิธีคิดใหม่ๆ สำหรับชาวไวกิ้ง แต่คงไม่มีไวกิ้งคนไหน ที่เกิดมาก็รู้จักแต่การฆ่ามังกร รับรู้ว่าตนเป็นศัตรูกับมังกร และการเป็นวีรบุรุษต้องเกิดจากการฆ่ามังกรเท่านั้น จะทำใจรับได้ให้หากมีลูกเป็นเพื่อนกับมังกร
ชื่อภาพยนตร์ : How to Train Your Dragon / อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร
แนว/ประเภท : Animation, Adventure, Comedy, Drama, Family, Fantasy
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Chris Sanders, Dean DeBlois
สตูดิโอ/ผู้สร้าง : DreamWorks Animation
เรท : USA – PG, ไทย – ท ทั่วไป
ความยาว : 98 นาที
วันเข้าฉายในประเทศไทย : 20 มีนาคม 2553 รับชมได้ที่ ดูอนิเมะออนไลน์
รีวิว How to Train Your Dragon ความคิดเห็นส่วนตัวหลังดู
นี่เป็นเรื่องราวของหนุ่มน้อยไวกิ้งนาม ฮิคคัพ ผู้อาศัยอยู่บนเกาะเบิร์ค ที่ซึ่งการสู้รบปรบมือเป็นมังกรเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต มุมมองหัวก้าวหน้าและอารมณ์ขันแบบจิกกัดของเขาทำให้เขาไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งเผ่าหรือแม้แต่ตัวหัวหน้าเผ่าสโต๊ยค์ เดอะ วาสต์ ที่บังเอิญเป็นพ่อของฮิคคัพเองเสียด้วย เมื่อฮิคคัพต้องร่วมฝึกมังกรกับหนุ่มสาวชาวไวกิ้งคนอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงแอสทริด , สนอทเลาท์ , ฟิชเลก และฝาแฝดรัฟนัท
ทัฟนัท เขาก็มองว่ามันเป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ว่าตัวเขาก็มีคุณสมบัติในการเป็นนักรบเช่นกัน แต่เมื่อเขาได้พบ กับมังกรบาดเจ็บ โลกของเขาก็พลิกตารปัตร และสิ่งที่เริ่มต้นเป็นโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองเพียงหนึ่งเดียวของฮิคคัพก็เปลี่ยนกลายเป็นโอกาสที่จะสร้างอนาคตใหม่ให้กับคนทั้งเผ่าไปในที่สุด
ฮิคคัพ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านไวกิ้ง ที่ตั้งรกรากที่นี่มา 7 ชั่วโคตรไม่เคยย้ายไปไหน นั่นแหละ เขาถึงเรียกว่า “ปักหลัก” สัตว์ที่เป็นศัตรูกลับแปลกว่าชาวบ้านนิดนึง ตรงที่มันเป็น “มังกร” หน้าตาท่าทางของฮิคคัพ ดูไม่น่าไว้วางใจจะเป็นนักรบไวกิ้งเพื่อต่อสู้มังกรได้ แอสตริค เป็นสาวที่เขาใฝ่ฝัน แต่มันคงไม่มีวันเป็นไปได้ หากเขายังสร้างเรื่องอยู่เรื่อยๆ
การล้มมังกรได้คือเกียรติของที่นี่ ถ้าล้มได้รับรองต้องมีหญิงมาขอคบ “เพลิงนิล” มังกรที่ไม่เคยมีใครฆ่าได้ ฮิคคัพมุ่งที่จะเป็นคนแรกให้ได้ แต่สิ่งที่เขาทำกลับไม่ใช่การฆ่ามัน หากเป็นเพื่อนกับมัน ช่วยเหลือมัน อีกทั้งยังควบคุมมันได้ ระหว่างที่เหล่าไวกิ้งออกไปทำลายรังมังกร เหล่าเด็กๆ ก็ได้โอกาสเข้าแคมป์ฝึกตนเอง แต่ก่อนหน้านั้น ฮิคคัพเคยยิงเจ้าเพลิงนิลร่วงแต่ไม่มีใครใส่ใจ วันที่พ่อตัดสินใจให้เขาฝึกอย่างไวกิ้ง แต่เป็นวันที่กลับไม่อยากจะฆ่ามังกร
How to Train Your Dragon เป็นอนิเมชั่นที่ชอบมากอีกเรื่อง ตอนไปดูไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะสนุก แต่กลับสนุกเกินความคาดหมาย ไวกิ้งเกิดมาเพื่อฆ่ามังกรและมังกรก็เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูของไวกิ้งแต่ไม่ใช่กับฮิคคัพ ลูกชายคนเดียวของหัวหน้าเผ่าไวกิ้ง พ่อของฮิคคัพมีนิสัยกล้าหาญ แต่เมื่อมองแบบผิวเผินแล้วฮิคคัพกลับมีนิสัยที่แทบจะตรงกันข้ามเลยทีเดียว ทุก ๆ คนแม้กระทั่งพ่อของเขายังคิดเลยว่าเขาไม่สามารถเป็นไงกิ้งได้ ขนาดโล่ห์ยังยกไม่ไหว
เรื่องราวของเผ่าไวกิ้งที่สู้รบกับมังกรมานาน แต่ลูกชายหัวหน้า กลับไม่มีความสามารถเอาซะเลย แล้วดันไปเจอมังกรแล้วผูกความสัมพันธ์จนขัดกับความเป็นไวกิ้งที่ต้องต่อสู้กันอีก เรื่องคร่าวๆก็อะไรประมาณนี้แหละค่ะ
เราว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เนื้อหาเบาเลยนะ การต่อสู้ ความเกลียดชังงี้ มันออกมาค่อนข้างรุนแรงและเนื้อหาเรื่องไม่ได้ด๊อกด๋อยแบบมีให้เด็กดูอย่างเดียว ถ้าเด็กดูก็เออได้ประเด็นมิตรภาพ ความสัมพันธ์ การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เราไม่ควรจะเกลียดชังกัน แต่ถ้าถามว่าผู้ใหญ่ดูได้ไหม เราเชื่อว่าคุณจะเอนจอยไปกับมันนะ เพราะเรื่องนี้ไม่มีความง้องแง้งอะไรเลย รวมถึงประเด็นอะไรอย่างเงี้ยถ้ามองอีกมุมนึงมันก็หนัก เพราะงั้นคนที่คิดว่าฉันโตแล้วฉันไม่มาดูอะไรเด็กๆหรอกเราว่าไม่ถูกนะ เพราะเรื่องนี้ถึงภาพลักษณ์จะเป็นการ์ตูนเด็กแต่สำหรับเราเนื้อหามันไม่ใช่
วันหนึ่งฮิคคัพมีโอกาสฆ่ามังกรตัวหนึ่งที่เขาทำให้มันบาดเจ็บโดยบังเอิญทำให้ปีกที่เป็นส่วนท้ายใช้การไม่ได้ แต่เขากลับไม่ทำ หลังจากนั้นมิตรภาพระหว่างเขากับมังกรค่อยตัวนั้น ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฮิคคัพเรียกมังกรตัวนั้นเขี้ยวกุด (toothless) เขาได้ช่วยทำให้เขี้ยวกุดบินได้อีกครั้งหนึ่ง ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อของเขาจะโกรธมากเพราะเขามีความสัมพันธ์เช่นนี้กับมังกรถึงขั้นตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกันเลย เราจะได้เห็นว่าที่จริงแล้วอดีตที่ยาวนานที่เป็นเรื่องของความขัดแย้งระหว่างสองสายพันธุ์ บางทีสิ่งที่เป็นความเชื่อตั้งแต่อดีตก็ไม่ได้ถูกไปซะทุกเรื่องและฮิคคัพเด็กชายผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นนไม่เอาไหนได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงความจริงข้อนี้
ชอบคำพูดของฮิคคัพ ตอนที่แอสทริดถามว่าทำไมถึงไม่ฆ่าเขี้ยวกุดในตอนแรก และนี่คือคำตอบของฮิคคัพ “I looked at him and I saw myself” ไม่ใช่ว่าเขาขี้ขลาดหรือไม่มีความกล้ามากพอเป็นคำตอบที่สมกับเป็นฮิคคัพเลย อีกฉากที่ชอบเช่นกันคือภาพสวย ๆ ตอนที่เขี้ยวกุด ฮิคคัพและแอสทริดอยู่บนท้องฟ้า ก้อนเมฆ ฉากตอนนั้นสวยมากจริง ๆ ตอนท้ายเรื่องของหนังเป็นตอนจบที่ซึ้งมาก นอกจากมิตรภาพระหว่างมังกรแล้วยังแสดงให้เห็นถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูกที่แสดงออกแบบไม่ค่อชัดเจนแนวผู้ชาย รีวิวอนิเมะ
หนังการ์ตูนเรื่องนี้ คุ้มค่าที่จะดูหรือไม่
ด้วยความที่เป็นหนังการ์ตูน สิ่งแรกที่คาดหวังว่าจะได้รับคือ ความน่ารักของเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นหนังอบอุ่นหัวใจเรื่องนึงที่สนุก น่ารัก และซึ้งในระดับหนึ่ง ในเรื่องหลักๆ ก็จะมีไวกิ้ง และมังกร ซึ่งไวกิ้งโดยปกติแล้วก็จะแข็งแรง และฝึกฝนตัวเองเพื่อไปฆ่ามังกร เพื่อเป็นการปกป้องอาหารและปศุสัตว์ที่เลี้ยงไว้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การฆ่ามังกรเหมือนเป็นจุดสูงสุดของชีวิตไวกิ้ง ทุกคนต่างก็พยายามหาวิธีฆ่ามังกรกันทั้งนั้น
แต่ฮิคคัพ ตัวเอกของเรื่อง เป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่สมกับเป็นไวกิ้งเอาซะเลย ทุกคนคิดว่าเขาอ่อนแอ ไม่กล้าหาญ และไม่มีแรง ไม่น่าจะทำหน้าที่เหมือนไวกิ้งคนอื่นๆทำได้ ต่างกับพ่อของเขาซึ่งเป็นสุดยอดไวกิ้งโดยสิ้นเชิง ฮิคคัพได้บังเอิญไปเจอกับมังกรที่บาดเจ็บตัวนึง และดันเป็นมังกรพันธุ์หายากที่ไม่มีไวกิ้งคนใดเคยพบเห็น ซึ่งในตอนนั้นฮิคคัพจะฆ่ามันก็ได้ แต่กลับไม่ได้ฆ่ามัน ปล่อยมันไปซะอย่างงั้น
แต่มันก็ดันบินไปไหนไม่ได้เพราะมันบาดเจ็บอยู่ ฮิคคัพก็เลยดูแลและปฐมพยาบาลมันแทน ทั้งสองเลยกลายเป็นเพื่อนกัน และฮิคคัพได้ตั้งชื่อมันว่า Toothless หรือเขี้ยวกุดนั่นแหละครับ เรื่องราวดำเนินไปแบบน่ารักๆ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างฮิคคัพและมังกรของเขาที่มีมากขึ้น แต่ช่วงหลังก็จะเจอกับดราม่าต่างๆนานา ที่เกี่ยวกับการเป็นไวกิ้งของเขา และความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก
เรื่องราวของตัวแอนิเมชันภาคนี้เปิดเรื่องราวมากับประเด็นความแออัดของเหล่าไวกิ้งกับมังกรที่ดูเหมือนว่าหมู่บ้านของพวกเขาจะคับแคบเกินไปสำหรับมังกรที่มีมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บวกกับพวกเขายังต้องพบเจอกับศัตรูตัวฉกาจที่อยากจะมาฆ่าเขี้ยวกุดของฮิคคัพอีก ดูจากสถานการณ์แล้วจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฮิคคัพตัดสินใจชวนคนในหมู่บ้านย้ายถิ่นที่อยู่ไปยังเมืองลับแลที่ไม่เคยมีใครเคยค้นพบเพื่อที่จะรอดสายตาคนจากโลกภายนอกมังกรจะได้อยู่อย่างปลอดภัย คนในหมู่บ้านทั้งหมดเลยตัดสินใจออกเดินทางไปตามหาเมืองลับแล นี่ก็เป็นโครงเรื่องคร่าวๆ ของหนังการ์ตูนภาคนี้ รีวิวหนังการ์ตูน
ส่วนเรื่องประเด็นการไล่ล่าก็ทำมาได้ดีไม่แพ้กันทั้งฉากต่อสู้บนอากาศหรือแม้แต่บนเรือต่างก็สนุกตื่นตาแทบทุกฉากที่สู้กัน บวกกับปมเนื้อเรื่องของฮิคคัพเมื่อเขาไม่มีมังกรเขาก็หมดความมั่นใจในตัวเอง “อุ๊ป!!! สปอยล์รึเปล่าน๊า” แต่การตีความประเด็นนี้ของเนื้อเรื่องก็ทำมาได้ดีและน่าสนใจ นอกจากนั้นตัวเนื้อเรื่องก็มีการใส่อารมณ์ดราม่ามาค่อนข้างหนัก สำหรับใครที่รู้ตัวว่าบ่อน้ำตา ตื้นผมแนะนำว่าให้เตรียมทิชชูรอไว้ได้เลยนะครับ เพราะหนังการ์ตูนเรื่องนี้ ทำเอาผมเกือบร้องไห้อยู่เหมือนกัน แต่ผมจะไม่ขอเปิดเผยเนื้อหาส่วนนี้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้น เอาไว้ถ้าใครอยากรู้ก็ตามไปดูเอาเองที่ ดูการ์ตูนออนไลน์
กลายเป็นว่าพอเราเริ่มดูไปเรื่อยๆและเห็นดีไซน์มังกรคุ้นๆเข้าก็เออ น่ารัก เรื่องนี้วางโครงมาดี คือมีรายละเอียดมังกรแต่ละชนิด มีคาแรคเตอร์ตัวคนที่แตกต่างกันไปทำให้เราจำได้ ก็คือคาแรคเตอรร์ดีไซน์ดีละหนึ่ง สองคือภาพสวยนะ ถึงจะเห็นหน้าตามังกรตลกๆแต่เราคิดว่ามันสมูทใช้ได้เลย เพราะพอดูภาพจริงๆแล้วมันสวยหลายฉากมากๆ เรื่องบทนี่ดีเลย มันไม่มีส่วนน่าเบื่อหรืออะไร มันปูเรื่องให้เรารู้จักฮิกคัพ ปูให้เรารู้ว่าเขาเป็นคนยังไงเราเลยเข้าใจการกระทำของเขาตอนมาเจอทูทเลสและรู้ว่าทำไมถึงคอยช่วยเหลือกัน จนมาถึงการปูปมใหญ่ของเรื่องอย่างการขัดแย้งกันของมังกรและชาวไวกิ้ง แต่ก็มีประเด็นมาอีกคือมีศัตรูที่ใหญ่กว่านั้นทำให้เกิดสมการศัตรูของศัตรูคือเพื่อน
ช่วงหลังๆเราว่าดาร์คหน่อยนะ เริ่มจากโทนภาพที่เริ่มหม่น ภาพที่เอาจริงๆเราว่ารุนแรง แต่มันไม่มากไปสำหรับเด็กหรอกเพราะมันก็ดูสนุกปกติ แต่โดยรวมแล้วทั้งเรื่องเราชอมมาก ทั้งการเล่าเรื่อง การแบ่งพาร์ทไปส่วนต่างๆเพื่อให้มันมีอะไรให้เราลุ้นตื่นเต้นอยู่ตลอด จนมาถึงช่วงท้ายคลายปมไปจนถึงใกล้จะปิดเรื่อง เราว่าเป็นอนิเมชั่นที่ดีอีกเรื่องจนเราไม่แปลกใจว่าทำไมทุกคนถึงชอบกัน