รีวิว เดอะบอสเบบี้

ในช่วงสถานการณ์ที่ต้องอยู่แต่บ้านแบบนี้ แต่ถ้าครอบครัวของคุณมีลูกน้อย และอยากพาเข้าไปผ่อนคลาย กับการดูการ์ตูนแนว ฟิลกู๊ดสักเรื่อง วันนี้ผมได้นำหนังการ์ตูน ที่ดูได้ทั้งครอบครัว และสำหรับเด็ก มาให้คุณได้ดู เอ๊ะแต่เดียวก่อน การ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้ทำมาเพื่อให้เด็กดูได้อย่างเดียวนะครับ ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็สามารถดูได้อย่างสนุก เหมือนกัน เรื่องนั้นก็คือ The Boss Baby หนังการ์ตูนชั่นของ ดรีมเวิกส์แอนิเมชัน ที่สร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นดังมาแล้ว อย่างเรื่องกังฟูแพนด้า เป็นเรื่องของเ ด็กทารกผู้มีทัศนคติ และพฤติกรรมแบบ Boss หนังมีความน่าสนใจ ตรงที่เมื่อตอนเปิดตัวมาแรง ทำรายได้ถล่มทลาย แซงหน้าเรื่องอื่นๆ ของแนวเดียวกันครับ ถ้าอยากดูสามารถ รับชมได้เลยแบบภาพชัดๆ เสียงคมๆ ที่ ดูอนิเมะ

 

 

ในขณะที่โลกภาพยนตร์พยายามจะหาอะไรใหม่ๆ ใส่ลงไปในหนังเพื่อดึงดูดความสนใจคนดู ทางด้านโลกการ์ตูนเอง ก็พยายามไม่แพ้กันครับ ที่จะหาพล็อตใหม่ๆ ใส่ลงไป ส่วนหนึ่งก็ทำให้เกิด เป็นการ์ตูนที่ เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดีขึ้นมา สำหรับบทหนังภาคนี้ยังคงได้ ไมเคิล แม็กคัลเลอร์ส มาดัดแปลง บทจากหนังสือของ มาร์ลา ฟราซี  และเติมเรื่องราว จากไอเดียของ ทอม แม็คกราธ ผู้กำกับต้องการบอกเล่า ซึ่งหากมองที่ บทอย่างเดียวก็คงต้องบอกว่าพอเป็นหนังภาคต่อและตั้งโจทย์ให้มันใหญ่ขึ้น ดูอนิเมะออนไลน์

ทุกอย่างเลยถูก อัดเข้ามาเยอะเกิน ไปทั้งปมเรื่องพี่น้อง ปมเรื่องลูกสาววัยรุ่น และไหนจะเล่าถึงโลกของเบบี้คอร์ปส์และแผนร้ายของ ดร.อาร์มสตรองอีก ผลลัพธ์ของมันเลยทำให้นี่ เป็นแอนิเมชัน ที่เรื่องราวมั่วซั่วซี้ซั๊วะสุด ๆ จนปมทั้งหลายไม่ค่อยส่งผลในเชิงดราม่าหรือเรียกความซาบซึ้งให้แก่หนังสักเท่าไร การ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากค่ายดรีมเวิร์คส์ หยิบเอาหนังสือภาพสำหรับเด็ก The Boss Baby ที่วางแผงในปี 2010 มาสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นในชื่อเดียวกัน ดูการ์ตูน

นึกถึงสมัยก่อนน่ะครับ การ์ตูนรุ่นผมมักจะเป็นสูตรเดิมๆ ถ้าไม่ใช่การผจญภัยของสารพัดสัตว์พูดได้ ก็จะเป็นเรื่องเจ้าหญิงเจ้าชาย ส่วนใหญ่ก็จะไม่ลี้ไปจาก 2 พล็อตหลักนี้ แต่พอหลายสิบปีที่ผ่านมาก็มีความหลากหลายขึ้น แม้แก่นสารจะคล้ายๆ กัน (คือว่าด้วยเรื่องความรัก, ครอบครัว, การผจญภัย และการโตเป็นผู้ใหญ่) แต่องค์ประกอบของเรื่องก็ดูจะมีสีสันเยอะขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่า เนื้อเรื่องจะไม่ดีไปซะทีเดียว ยังมีจุดดีอีกหลายอย่าง ที่ทำให้ดูกันแบบอบอุ่นทั้งครอบครัว

โดยรวมเนื้อเรื่องเป็นเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้เป็นกลาง ไม่เครียดเกินไป และไม่ได้การ์ตูนเว่อจ๋า การดำเนินเรื่อง ค่อนข้างทำได้ดี แฝงด้วยจินตนาการ ที่ให้ข้อคิดกับคนดู ในส่วนของ งานภาพ ขึ้นชื่อด้วย DreamWorks คงการันตีได้ถึงความน่ารักสมจริง ถือว่าทำได้ดีมากๆ ถือเป็นหนังที่ดูแล้วไม่ผิดหวัง ไม่แปลกใจเลยที่เปิดตัวที่ อเมริกาแล้วทำรายได้ดีมากๆ

 

 

รีวิว เดอะบอสเบบี้ เนื้อเรื่องของหนังการ์ตูนเรื่องนี้

เมนหลักของเรื่องอยู่ที่หนูน้อย ทิม วัย 7 ขวบ เขาบรรยายความสุขในครอบครัวที่อบอุ่นมีพ่อแม่ที่รักเอาใจใส่ และแล้วความสุขก็พลันหายวับไป เมื่อแม่มีน้องชายคนใหม่มาให้เขา น้องชายแนะนำตัวเองว่าชื่อ “เดอะ บอสส์” เป็นเด็กทารกแต่ใส่สูทผูกไทถือกระเป๋าเอกสาร ต่อหน้าพ่อแม่ เดอะ บอสส์ จะเป็นเด็กทารกกระจองอแงธรรมดา

แต่เมื่อลับหลังอยู่กับทิมเพียงลำพัง เดอะ บอสส์ จะเผยตัวตนว่าเขาคือสายลับจากองค์กรเด็กแฝงตัวมาในครอบครัวนี้เพราะต้องการสอดแนมหาความลับในบริษัทสัตว์เลี้ยงที่พ่อและแม่ทำงานอยู่ บริษัทสัตว์เลี้ยงแห่งนี้มีแผนการจะผลักดันให้หมากลายเป็นสิ่งที่ทุกครอบครัวบนโลกนี้ต้องการมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งแทนที่ “เด็ก” ทิมเลยตกกระไดพลอยโจนต้องร่วมภารกิจไปกับ เดอะ บอสส์ ในการล้มล้างแผนการครั้งนี้ไปด้วย

อย่างเรื่องนี้ถ้าว่ากันถึงแก่นแล้วก็คือเรื่องของครอบครัว และความรักครับ ตัวเอกคือทิม หนุ่มน้อยที่จู่ๆ ก็ต้องมาพบว่าพ่อแม่ของเขามีเบบี๋คนใหม่ มาแบ่งความรักไปจากใคร ซึ่งเขาก็รับไม่ได้ล่ะครับ จู่ๆ เป็นลูกคนเดียวมาตลอด ตอนนี้มามีน้องมาแบ่งความรักไปซะแล้ว

 

เดอะบอสเบบี้-4

 

และเจ้าน้องคนนี้ก็ทำตัวเป็นเหมือน “บอส” ที่ทุกคนต้องตอบสนองความต้องการตลอด ทำให้ทิมอดไม่ได้ที่จะโวยวายและหาทางทวงความรักคืน… แต่เราๆ ก็คงพอจะเดาได้ใช่ไหมครับว่าสุดท้ายแล้ว มันก็ต้องจบลงด้วยความรักนั่นแหละ เพียงแต่จะเรื่องราวมันจะจบลงตรงไหนเท่านั้นเอง ตามไปเอาใจช่วยเลยครับ ดูกันทั้งครอบครัว แบบภาพชัดๆจัดเต็ม ที่ ดูการ์ตูนออนไลน์

ตัวเรื่องนั้นเล่าผ่านตัวทิม เหมือนทิมกำลังเล่าเรื่องตัวเองให้เราฟัง ตัวหนังนั้นเล่นแง่มุมได้ดีเหมือนที่ทิมอธิบายไว้ตอนแรก เด็กทารกก็เหมือนบอส คนอื่นๆในบ้านก็เปรียบเหมือนเลขา เวลาบอสเขาอยากได้อะไรก็ต้องหาให้ทันที และต้องคอยดูแลเป็นอย่างดี ชอบตรงนี้ เอาจริงๆดูแล้วแอบคิดรีบอร์นเลยครับ ทั้งคำพูดและการแสดงออกที่ดูแก่แดดของบอสเบบี้ มันขัดกับหน้าตาน่ารักๆ แต่ตรงนี้แหละที่มันทำให้ตลก รวมไปถึงมุกต่างๆในหนังเข้ากันได้ดีทีเดียว

ด้วยเหตุที่หนังดำเนินเรื่องราวผ่านสายตาของทิม เด็ก 7 ขวบ ภาพบนจอจึงเป็นภาพ ตามในจินตนาการ แฟนตาซีของ ทิมสลับกับภาพเหตุการณ์จริง ที่ตัดกันไปมาอยู่บ่อยครั้ง เป็นหน้าที่ของคนดู ที่ต้องแยกแยะว่าฉากนี้คือเรื่องจริง ฉากนี้คือภาพในจินตนาการของทิม มุกตลกถูกยิงออกมาเนือง ๆ มีเสียงหัวเราะคลออยู่ตลอดเรื่อง ล้วนเป็นมุกที่มาจากตัวเดอะ บอส หนังโปรโมทด้วยการตัดคลิป เหล่านี้จากหนังออกมาโชว์ เป็นสเน่ห์มากสำหรับพล๊อตของการ์ตูน

ซึ่งดูได้ผลดีเมื่อเป็นคลิปสั้น ๆ แต่พออยู่ในหนังที่ ขาดแรงขับเคลื่อน บรรดามุกเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่เพียงพอ ที่จะจับกลุ่มผู้ชมผู้ใหญ่ ให้อยู่กับตัวหนังได้ตลอด แต่ถือว่าสร้างสรรค์ ออกมาได้น่ารักกว่า ตอนเป็นหนังสือภาพมาก ด้วยภาพของเด็กชายตาโต ใส่สูท แบบนักธุรกิจ ก็ถือว่าเป็นภาพลักษณ์แปลกใหม่ และต้องยอมรับเสน่ห์ ส่วนหนึ่งของ เดอะบอสส์ มาจากเสียงพากย์ไทย ผสมความกวนส้นเท้าของ อเล็ค บอลด์วิน ที่ดูเข้ากับบุคลิกของตัวเดอะ บอสส์ ได้ดี และอเล็คเองก็พากย์ทั้งการ์ตูนและวีดีโอเกมมาหลายเรื่องแล้วด้วย เรื่องนี้ก็ถือว่าไม่ใช่งานแปลกใหม่เลย โดยรวมแล้ว เดอะ บอส เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์น่ารัก ซึ่งตอนนี้ได้มีภาคสองเรียบร้อยแล้ว

 

 

หลังดูจบแล้วรู้สึกอย่างไร

หนังสอดแทรกนัยยะที่น่ารัก ว่าด้วยเรื่องความรักในครอบครัว การที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนึงพ่อแม่ก็มีน้องเข้ามาแย่งความรักไป หนังพยายามโน้มน้าวความคิดจากพี่ชายที่มองน้องเป็นศัตรูให้กลายมาเป็นเพื่อนเล่นและตอกย้ำหน้าที่พี่ที่ต้องเติบโตมาปกป้องดูแลน้อง จึงเป็นหนังที่เหมาะมากสำหรับครอบครัวที่ควรเปิดดูกับลูกคนโตในวันที่เขากำลังจะมีน้องใหม่เข้ามาในบ้าน ไหนจะก๊วนทารกลูกมือของบอสเบบี้ สเตซี่เลขาประจำตัว, แฝดสามได้ครับพี่ดีครับนาย และพี่เบิ้มบอดีการ์ด ตัวละครพวกนี้ผมว่ามันทำให้หนังมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นไปอีก ฉากประชุมกันในตัวอย่างนี่ฮามากนะผมว่า

หนังการ์ตูนเรื่องนี้สนุกมาก ทุกอย่างลงตัวดีไปหมด ภาพก็สวย เพลงประกอบก็ดี ตัวผมเองคิดว่ามันเหมาะสำหรับครอบครัวนะ พ่อกับแม่พาลูก ที่กำลังจะมีน้อง หรือที่มีแล้วมาดูผมว่า น่าจะสอนอะไรเขาได้เยอะนะ โดยเฉพาะเรื่องที่เด็กๆ น่าจะเป็นก็คือ ชอบคิดไปเองว่า น้องแย่งความรักพ่อแม่ไปจากตัวเอง ผมว่าตรงนี้น่าจะสอนอะไรเขาได้ดีเชียวล่ะ

 

เดอะบอสเบบี้-2

 

เรื่องโครงเรื่องน่าจะเป็นปัญหาที่ไม่แข็งพอ แบบมันมีอะไรให้เล่นเยอะไม่ได้ มันจะตามไม่ค่อยทันหรือแบบเป็นเรื่องผู้ใหญ่ๆล้อกันหน่อย ซึ่งเราฮานะแต่เด็กไม่น่าจะฮา เรารู้สึกตั้งแต่เรื่องก่อนละว่าเขาไม่ได้ขายเด็กแต่ต้องการขายผู้ใหญ่ที่หาหนังเบาสมองดู รีวิวอนิเมะ

สิ่งที่มาแทนที่คงหนีไม่พ้นบรรดามุกตลกที่มาสร้างสีสันนี่แหละ แม้ว่าหลายมุกจะหมิ่นเหม่ จนเกือบเป็นมุกสำหรับผู้ใหญ่ เช่นตอนเท็ดเอาแครอตมาคาบแล้วให้ลูกม้าดูดปากแล้วลามไปทั้งหัวที่ดูแล้วน่าเกลียดมากกว่าน่ารักไปหน่อยแต่ก็ยังถือว่าเรียกเสียงฮาได้ไม่ฝืดนัก ไปจนถึงบรรดาสีสันของคาแรกเตอร์แปลก ๆ ทั้งเบบี๋นินจาที่ดูว่องไวสร้างความตื่นเต้นดี หรือแม้กระทั่งการล้อเลียน ห้องเรียนสร้างเ ด็กอัจฉริยะกับห้องเลี้ยงเด็กอ่อน ที่ล้อเลียนระบบการศึกษา และสถานรับเลี้ยงเด็กได้อย่างเจ็บแสบ ก็ล้วนสร้างความบันเทิงให้คนดูอย่างเต็มที่ ดูไปก็แอบขำไปเพราะมุกจิกกัดนี่แหละครับ สำหรับผู้ใหญ่

ในภาคนี้หนังได้สะท้อนปัญหาสังคมระหว่างพี่-น้องได้ดีมากครับ บอกเลยซึ้งกินใจกว่าภาคแรกต้องยอมรับเลยว่าภาคนี้คุณภาพคับแก้วแน่นอนครับ  ส่วนความฮาของมุกตลก อันนี้คือขายขำแบบสุดๆ ที่ดูแล้วอมยิ้มตลอดทั้งเรื่องเลยล่ะครับ

แต่แทนที่หนังจะเล่าเรื่องวุ่นๆ ระหว่างพี่น้อง หนังก็เสริมความเป็นไซไฟและผจญภัยลงไป กำหนดให้เจ้าน้องตัวเล็กสามารถพูดได้ฉะฉานเหมือนผู้ใหญ่ และเป็นเหมือน “บอส” จากโลกอื่นมาสร้างความป่วนให้กับชีวิตของทิม

 

เดอะบอสเบบี้-3

 

หนังก็ถือว่าดูได้เพลินๆ ครับ มีอะไรให้ฮาได้เรื่อยๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะความแสบของเจ้าน้อง “บอส” คนนี้ แต่ก็นั่นล่ะครับ หนังสไตล์นี้บางคนไม่ชอบก็มี เพราะมันอาจจะไม่ได้น่ารักแบบพิมพ์นิยม และตัวละครก็อาจจะออกแนวกวนมากกว่าจะแบ๊วๆ แบบน่ารัก ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนครับ

ส่วนผมนั้นชอบตรงประเด็นดีๆ ที่หนังนำมาบอกเล่า ประเด็นหลักเลยคือการปรับตัวเข้าหากันระหว่างพี่น้องที่จริงๆ ไม่ต้องพี่น้องหรอกครับ เวลาคนสองคนทำความรู้จักกัน มันก็ต้องปรับตัวทั้งนั้นแหละ ซึ่งอันว่าจะปรับได้หรือไม่ ส่วนสำคัญก็ต้องอยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจรับความตัวตนของอีกฝ่ายมากน้อยแค่ไหน

 

 

และในกรณีของพี่น้องแล้ว บุคคลที่มีบทบาทสำคัญก็คือพ่อแม่นั่นแหละครับที่จะสามารถแบ่งความรักให้กับลูกได้ดีแค่ไหน เพราะทุกการกระทำของเรานั้นจะส่งผลถึงใจลูกเสมอครับ อย่างการที่เราให้เวลาลูกคนหนึ่งมากกว่า ลูกอีกคนก็จะเกิดความรู้สึกเชิงลบขึ้นมาได้โดยง่าย หากไม่จัดการให้ดีๆ ผมขอฝากไว้เท่านี้ครับ สำหรับการรีวิวหนังการ์ตูน แนวฟิลกู๊ด เรื่องนี้ หากเพื่อนๆ ชอบการรีวิวการ์ตูนเรื่องนี้ หรืออยากให้ผมรีวิวเรื่องไหน สามารถติดตามได้ที่ รีวิวหนังออนไลน์