รีวิว Klaus

วันนี้ผมจะมารีวิวการ์ตูนฝรั่งแนวฟีลกู้ด ที่เด็กๆดูแล้วต้องหลงรัก อย่างแน่นอน และเรื่องนี้ยังเป็นการ์ตูนฝรั่ง ที่สามารถ ดูกันได้ทั้งครอบครัว อบอุ่นหัวใจอย่างแท้จริง หนังการ์ตูนจากประเทศสเปน บอกเล่าเรื่องราวของมิตรภาพต่างวัยของคน 2 คน ที่ได้มาเจอกันได้ไงก็ไม่รู้ ท่ามกลางความเหงาหงอย ซึ่งชีวิตการผจญภัยของทั้งคู่ ได้กลายเป็นเรื่องเล่า ซานต้าในแบบที่ ผู้ชมสามารถจับต้องได้จริง รับชมกันอย่างจุใจ แบบhd ภาพชัด ทุกเรื่อง ทุกแนว อัพเดททุกวัน ได้ที่ ดูหนังออนไลน์ 

 

รีวิว Klaus

 

เรื่องราวเริ่มต้นที่ เจสเปอร์ โจ๋วัยรุ่นที่เป็นลูกชาย คนเดียวของ ตระกูลมหาเศรษฐี ที่ทำกิจการไปรษณีย์มาช้านาน เขาเป็นคุณชาย ที่มีนิสัยแย่ไม่เอาการงานใดๆ จนผู้เป็นพ่อสุดทนจึงวางแผนดัดสันดานลูกชายตัวดีโดยส่งไปยังเมืองหิมะ สเมียเรนส์เบิร์ก ที่ตั้งอยู่บนเกาะห่างไกล ให้ทำหน้าที่เป็นบุรุษไปรษณีย์คนใหม่ที่นั่น พร้อมตั้งเงื่อนไขให้ว่าต้องส่งจดหมายให้ครบ หกพัน ฉบับในเวลา 365 วัน ถึงจะได้กลับบ้าน และเป็นอิสระเสียที

นี่เป็นการ์ตูน ที่มีรายละเอียด ลึกซึ้งถึงปมปัญหาชีวิต ของคนหลายช่วงอายุ จนไม่ใช่ว่าทำมาแค่ให้เด็กดู หรือออกแนวเด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดีอะไรตามสูตรทั่วไป แต่หนังลงลึกถึงปมปัญหาในชีวิตจริงของคนเรา ที่หลายคนต้องเคยสะดุดล้มและอาจจะลุกขึ้นมาไม่ได้ ไร้ซึ่งความหวังมายาวนาน จนวันหนึ่งก็มีใครสักคนเข้ามาฉุดลุกขึ้นพาก้าวเดินต่อไป

พอเรื่องเล่าถึง การมาถึงเมือง มันถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกอย่างดูเหมือน จะแย่กว่าที่เขาคิดไว้มากๆ พูดตรงๆเมืองนี้ น่าสยองมาก เหมือนกับเป็นเมืองร้าง แถมพวกชาวบ้านยังแบ่งแยกกันเป็นสองพรรคสองพวกอีกด้วย พูดง่ายๆคือแบ่งเป็น สองตระกูลซึ่งเกลียดกันเข้าไส้ และนั่นก็ดูเหมือนเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว

การ์ตูนเรื่องนี้ใช้จุดเริ่มต้นธีมหลัก เป็นเรื่องราวชีวิตคนที่ดูเหมือน “ไร้ค่า ไร้ตัวตน” ในสังคม ซึ่ง “เจสเปอร์” ก็คือชายหนุ่มที่ไม่เอาไหน เห็นแก่ตัว ไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิตให้เป็นชิ้นเป็นอัน การเป็นคนแปลกหน้ามาทำงานที่เมืองนี้ก็ไม่ได้มีใครใส่ใจให้ความสำคัญ จนเมื่อเขาได้พบเจอกับ “เคล้าส์” ชายสูงวัยรูปร่างใหญ่น่ากลัว ที่เลือกอาศัยอยู่ห่างไกล จากเมืองตัวคนเดียว ซึ่งคุณซานต้า นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นตำนานเรื่องเล่าซานต้ามีชีวิตในเรื่องนี้  หลังจากที่ทั้งคู่ได้มาร่วมงานส่งของขวัญให้เด็กๆ ในแบบที่เป็นการทำดีไม่หวังผลกับคำคมประจำเรื่องที่เคล้าส์มักพูดว่า

 

 

ตอนนี้บุรุษไปรษณีย์ของเราก็เริ่มคิดท้อแล้ว แต่ว่าเขาก็ได้เจอกับ ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดิมตั้งใจจะเป็นครูที่เมืองนี้ แต่ด้วยปัญหาเดียวกันทำให้ตอนนี้เธอต้องอดทนทำงาน เพื่อหวังเก็บเงินและออกจากเมืองนี้ให้ได้ นอกจากนั้น เขายังได้เจอกับ Klaus ชายวัยกลางคนที่อาศัยอยู่บนยอดเขา เอาจริงๆตอนดูก็ให้ฟิลลุงซานตานะ บ้านของ Klaus มีของเล่นเยอะมาก และแล้วทั้งสองก็เริ่มทำภารกิจส่งของขวัญให้เด็กๆ

เด็กๆตื่นเต้นกับการได้ของเล่นมาก และพอรู้ว่าต้องเขียนจดหมายไปขอ Klaus เด็กๆก็ต่างพากันไปส่งจดหมายให้พระเอกเราทุกวัน เอาล่ะพระเอกเริ่มรู้สึกดี ทุกอย่างดูไปได้สวย แต่เขาก็ไม่ได้บอกใครว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร เขาหวังว่าวันที่ต้องบอกความจริงจะยืดยาวออกไป

ตัวหนังเรื่องนี้ใช้จุดเริ่มต้นธีมหลัก เกี่ยวกับความ ‘ไร้ค่าและไร้ตัวตน’ ในสังคม ซึ่งจะเห็นได้จากตัวละครเอกอย่าง Jesper ที่เป็นเด็กหนุ่มไม่ถ่าน เห็นแก่ตัว อีกทั้งยัง เมาทุกวัน ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ต้องผจญภัย พบเจอกับสถานการณ์ ที่ไม่คุ้นเคย จนเมื่อเขาได้พบเจอกับ Klaus’ชายสูงวัยที่มีร่างกายขนาดใหญ่ น่ากลัว ซึ่ง พี่Klaus คนนี่เองที่กลายมาเป็นจุดเริ่มต้น ในการเป็นตำนาน เรื่องเล่าซานต้า ผู้มีชีวิตในเรื่องนี้

ด้วยเหตุนี้ เจสเปอร์ เคลาส์ และอัลวา จึงกลายเป็นคนที่มีตัวตนในเมืองนี้ ทุกคนลบล้างปมในใจ เปลี่ยนเมืองที่ไม่น่าอยู่ ให้กลายเป็นเมืองที่มีความรัก ความสดใส แต่ก็เหมือนกันทุกที่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ย่อมจะมีคนแก่ ๆ พยายามที่จะขัดขวางทุกวิถีทาง แต่การทำความดีของเด็ก ๆ ช่วยเปลี่ยนแปลงเมืองและจิตใจของผู้ใหญ่ไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

 

รีวิว Klaus-2

 

รีวิว Klaus การ์ตูนเรื่องนี้น่าดูอย่างไร 

หนังใช้ประโยคนี้ในการผลักดันเรื่องราวความดีส่งต่อ โดยเริ่มจากการทำดีของทั้งคู่ส่งต่อไปถึงเด็กๆ ที่มีพ่อแม่สั่งสอนให้เกลียดกัน ทำให้เด็กๆ เห็นว่าการทำดีจะได้สิ่งดีๆ ตอบแทนกลับมา แม้ว่าแรงจูงใจจะเป็นเรื่องของขวัญที่เด็กดีเท่านั้นถึงได้รับ ซึ่งเป็นกฎที่เจสเปอร์ตั้งขึ้นมาเองหลังจากหมั่นไส้ไม่ให้ของขวัญเด็กเกเรที่แกล้งเขา แต่นั่นก็กลายเป็นว่า การทำความดีของเด็กๆ ช่วยเปลี่ยนแปลงเมืองและจิตใจของผู้ใหญ่ไปในทางที่ดีขึ้นทีละน้อยๆ

แต่หนังก็ไม่ได้หยิบจับประเด็นมาเล่นแบบง่ายๆ เพราะตัวเจสเปอร์เองต่างหากที่เริ่มทำงานนี้เพื่อหาจดหมายให้ครบ 6 พันฉบับ เพื่อที่เขาจะได้กลับไปบ้านที่มีความสะดวกสบายกว่าเมืองแห่งนี้ นั่นจึงไม่ใช่ความดีที่แท้จริง และตัวเจสเปอร์เองภายนอกก็ยังเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่มีนิสัยเห็นแก่ตัวอยู่ตามวัย นั่นจึงเป็นปมสำคัญที่ทำให้เรื่องราวนี้ไม่ได้จบลงง่ายๆ

หนังพาเจสเปอร์เรียนรู้สิ่งดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตหลังร่วมงานกับเคล้าส์ ให้เขาค่อยๆ มีคุณค่ากับคนอื่นแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่รู้สึกถึงความสำคัญของตัวเองก็ตามที

 

รีวิว Klaus-3

 

แต่ความเป็นจริงที่เปลี่ยนไปในทางบวกของเมืองก็ทำให้เจสเปอร์เห็นคุณค่าของตัวเองจากงานที่ทำ ส่วนอีกด้านปมความผิดในใจที่เขาปิดบังความจริงหลอกให้เคล้าส์เอาของเล่นเด็กมาแจก โดยที่ตัวเองโดยประโยชน์ลับๆ และโกหกมาตลอด หนังมีบทลงโทษที่เหมาะสมกับเรื่องราว พร้อมทั้งการลงมือกระทำแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูก ผ่าน “การกระทำที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวอย่างแท้จริง” ทำให้เขาเริ่มเติบโตมีวุฒิภาวะความรับผิดชอบมากขึ้น ในแบบหนัง ดูได้ทั้งครอบครัว ที่สมบูรณ์ในเรื่องราวอย่างน่าเชื่อถือไม่แพ้หนังคนแสดงดีๆ เลย

ไม่ใช่แค่การเติบโตของเจสเปอร์ ตัวเคล้าส์เองก็มีเรื่องการก้าวข้ามปมบาดแผลในจิตใจที่เวลาไม่อาจเยียวยาได้ จนกลายเป็นคนจมทุกข์อยู่กับตัวเอง ปลีกวิเวกไร้ตัวตนไม่คบหาใครในสังคม แต่แล้วก็ได้เจสเปอร์มากระตุ้น (หรือหลอก) ให้ทำความดีส่งของเล่นให้เด็กๆ จนได้รอยยิ้มของเด็กน้อยมาช่วยสมานแผลใจของเขาทีละน้อยๆ จนกลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง เคล้าส์ต่างกับเจสเปอร์ตรงที่เขาเป็นชายสูงวัยที่มีหัวใจบริสุทธิ์ที่เชื่อในคำพูดที่ว่า การกระทำไม่ไม่แฝงไปด้วยการเห็นแก่ตัว มักจะสร้างความดีขึ้นมาเสมอ อย่างแรงกล้า

 

 

ต่างกับเจสเปอร์ที่เชื่อว่า ไม่มีใครทำอะไรไม่หวังผลได้ แม้แต่การส่งของขวัญเอง ก็ไม่ได้หวังได้หน้าตาชื่อเสียงอะไร โดยเขาตั้งกฎกับเจสเปอร์ว่า ต้องแอบไปส่งตอนกลางคืนไม่ให้ใครเห็นเท่านั้น ก็เลยกลายเป็นที่มา เรื่องราวเล่าข่าวซุบซิบ ค่อยๆเริ่มจากหมู่เด็กๆทีละน้อย มารวมกันจนกลาย เป็นซานต้าในแบบเรียลไลฟ์ สมเหตุผลจากมนุษย์ธรรมดา ไปสู่ตำนานที่แท้จริง และแม้ว่านี่จะเป็นแค่เรื่องแต่งอีกเรื่องของตำนาน ซานตาครอสก็ตามที

นอกจากนี้ปมของจิตใจเคล้าส์ยังเชื่อมโยงถึงเรื่องราวเหนือจริงเคียงคู่กับบทเพลง Invisible อีกด้วย ซึ่งก็เป็นการตีความได้ทั้งในแบบความทรงจำที่ยังคงอยู่ หรือจินตนาการเหนือจริงที่ในเรื่องใส่มาเพียงน้อยนิดให้คนดูได้ต่อยอดความคิดปลายเปิดกับเรื่องราวส่วนนี้

ด้วยเหตุนี้ เจสเปอร์ เคลาส์ และอัลวา จึงกลายเป็นคนที่มีตัวตนในเมืองนี้ ทุกคนสลายปมในใจ เปลี่ยนเมืองเน่า ๆ ให้กลายเป็นเมืองที่มีความรัก แต่ก็เหมือนกันทุกที่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ย่อมจะมีคนแก่ ๆ พยายามที่จะขัดขวางทุกวิถีทาง แต่การทำความดีของเด็ก ๆ ช่วยเปลี่ยนแปลงเมืองและจิตใจของผู้ใหญ่ไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

คุณค่าของหนังเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่หัวใจหลักของเรื่องนี้คือ “การกระทำที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวอย่างแท้จริง จุดประกายให้เกิดการทำความดีเสมอ” ที่หนังได้ร้อยเรียงเรื่องราวเอาไว้อย่างดีผ่านคุณค่าของการทำงาน การเรียน และความรัก ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้ โดยไม่ได้ยัดเยียดความดีแต่ปล่อยให้ผู้ชมซึมซับไปกับเนื้อเรื่อง

 

 

สรุปแล้วการ์ตูนเรื่องนี้ยอดเยี่ยม

หนังไม่ได้จบอย่างที่อนิเมชั่นสำหรับเด็กควรจะเป็น แต่ทว่าได้พาเราไปไกลกว่านั้น มิตรภาพระหว่างเคล้าส์กับเจสเปอร์ จะจุดประกายความดีในตัวคุณและนั่นจะทำให้คุณจะเสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัว

โดยผลงานเรื่องนี้ได้สร้างเรื่องราวมาเป็นอย่างดีแล้ว หากแต่เพิ่มความพิเศษมากขึ้นไปอีกด้วยฉากจบ ซึ่งไปไกลก้าวล้ำกว่าคำว่า จบอย่างสวยงาม หรือแฮปเอ็น ตามแนวทางของอนิเมชั่นทั่วไป โดยผลงานเรื่องนี้เลือกฉากจบอันแสดงให้เห็นถึง สัจธรรมความจริงของชีวิตมนุษย์ ทำให้เห็นความลึกซึ้งที่สอดแทรกอยู่ในเนื้อหา และเหมาะแก่การนำไปขบคิดต่ออย่างแท้จริง ทำให้ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของมนุษย์หากแต่มีความลึกซึ้งขึ้นไปอีกขั้น มีความเต็มอิ่มมากกว่า

เพียงแค่จะถูกมองว่าเป็นภาพยนตร์แห่งจินตนาการ ที่เพียงแค่เรื่องเล่าของซานต้าในอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นหนังอนิเมชั่นที่เกินกว่าคำว่าสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง เต็มอิ่มไปด้วยเรื่องราวอันแสนลึกซึ้งและกินใจ สอดแทรกความตลกได้แบบเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความน่ารักมากมาย อีกทั้งยังมาพร้อมลายเส้นสวยงาม ดูง่าย ช่างเหมาะสมกับเรื่องราวเสียจริงๆ

 

 

เรื่องสุดท้ายที่อยากจะพูด เพลงประกอบ Invisible อันแสนไพเราะลึกซึ้ง เต็มไปด้วยความหมายชีวิตของตัวละครในเรื่องได้เป็นอย่างดี และสิ่งที่อยากเตือนคุณผู้อ่านเป็นครั้งสุดท้าย คือ ให้เตรียมผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ด้วย เพราะคุณอาจเสียน้ำตาได้อย่างไม่รู้ตัวเลยทีเดียว อีกทั้งยังกลั้นไว้ไม่อยู่อีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าคุณกำลังหาภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่ามีคุณภาพแล้วล่ะก็ Klaus (2019) คือหนึ่งในเรื่องนั้น

 

 

Klaus เป็นหนังมีคุณค่าการรับชมสูง ดูซ้ำก็ยังสนุก แนะนำให้ลองดูทั้งเสียงต้นฉบับและเสียงพากษ์ไทยที่ดีมากแบบไร้ที่ติ ทุกตัวละครได้เสียงที่เหมาะสมลงตัวเข้ากันทั้งกับคาแรกเตอร์และอายุในเรื่องทั้งหมด แม้แต่เสียงตัวประกอบเล็กน้อยก็ทำความแตกต่างทำได้ดี อย่างเด็กมี 3 คนในฉากก็มี 3 เสียงได้ยินพร้อมกัน รวมถึงการไล่ลำดับระยะทางเสียงเบาหนักซ้ายขวาตามภาพที่เกิดขึ้นก็สมจริงทุกจุด เป็นเวอร์ชั่นพากษ์ไทยที่ดีมากจนเหลือเชื่อ ทำให้หนังเรื่องนี้ทรงคุณค่าขึ้นไปอีก จนเกินกว่าจะเป็น แค่การ์ตูนที่ฉายในระบบออนไลน์เพียงอย่างเดียว ดูที่ดูหนังออนไลน์

 

 

เรื่องนี้เป็นหนังอีกเรื่องที่ดูแล้ว ฟีลกู้ดมากๆครับ บางฉากก็ถึงกับต้องร้องไห้ซะอย่างนั้น น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว คือเนื้อเรื่องลึกซึ้งกินใจ ถ้าเราดูให้เข้าใจอย่างลึก ซึ้งจะพบว่า ทีมผู้สร้างทุ่มเทสุดๆ พวกเขาสอดแทรกความสำคัญของชีวิตเอาไว้ดีมาก ไม่ใช่เพื่อสอนเด็กๆเท่านั้น แต่เชื่อว่าพวกเราหลายคนก็จะได้ข้อคิดหลายอย่างกลับไปคิดทบทวนอย่างแน่นอน

หากชอบบทความรีวิว การ์ตูน ทั้งการ์ตูนฝรั่ง การ์ตูนเอเชีย และหนังการ์ตูน ดีๆแบบนี้ สามารถติดตามได้ที่ รีวิวหนังออนไลน์